วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

Toyota Hiace เวอร์ชั่นใหม่ รถตู้ที่เราชาวไทยต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี


 

ในแวดวงของยานยนต์ประเภทรถตู้นั้นถือว่า Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอซ) ก็เป็นรถตู้ที่เราชาวไทยต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะมันได้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมาอย่างยาวนานและอยู่คู่สังคมไทยมานานเลยทีเดียว ด้วยการออกแบบที่สามารถตอบสนองความต้องการทุกประเภทและสมรรถนะของเครื่องยนต์แรงเกินห้ามใจ ก็ทำให้โตโยต้าจัดการส่ง Toyota Hiace ในเวอร์ชั่นใหม่ ออกมาให้เราได้สัมผัสกันอีกครั้งแล้ว 
หากพูดถึงภาพรวมก็ต้องบอกว่าเป็นรถตู้ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มีความครบเครื่องในการใช้งานค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในก็ตอบโจทย์ทุกด้าน ความสะดวกสบายถือว่าเป็นจุดเด่น ทำให้ทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่สะดวกสบาย มีฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานและใช้งานได้ง่ายอีกด้วย หากคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก Toyota Hiace รถตู้รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้สบาย และนี่คือรถตู้ค่ายรถดังจากแดนปลาดิบถือเป็นอันดับ 1 ทางด้านนี้เลยก็ว่าได้

ราคารถตู้ Toyota Hiace

ราคา Toyota Hiace 939,000 บาท.

การออกแบบภายนอก Toyota Hiace

สำหรับการดีไซน์ภายนอกของ Toyota Hiace มีการดีไซน์ตัวบอดี้นั้นก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของรถตู้ที่เอาไว้ใช้งาน โดยมีเหลี่ยมมุมที่น่าสนใจพร้อมกับฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาเพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้งกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ, กันชนหลังก็สีเดียวกับตัวรถ พร้อมด้วยกระจังหน้าสีเงินเมทัลลิก และระบบไฟหน้าจะเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ส่องสว่างทุกการเดินทาง พร้อมด้วยที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบปรับตั้งเวลาได้

ในส่วนของโครงสร้าง โตโยต้า ไฮเอซ มันมาพร้อมกับโครงสร้างนิรภัยแบบ GOA ที่มีคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง โดยมีความยาวทั้งคันอยู่ที่ 4,695 มม. ในขณะที่มีความกว้างอยู่ที่ 1,695 มม. และมีความสูง 1,980 มม. ส่วนความยาวช่วงล้ออยู่ที่ 2,570 มม. และมีความกว้างช่วงล้อหน้าอยู่ที่ 1,470 มม. ส่วนความกว้างช่วงล้อหลังอยู่ที่ 1,465 มม. โดยมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.0 เมตร และมีน้ำหนักรถโดยประมาณที่ 1,600 กิโลกรัม
ส่วนทางด้านของความปลอดภัย Toyota Hiace ก็มีถุงลมเสริมความปลอดภัยแบบ SRS ถึง 2 จุด ทั้งในด้านของคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า โดยมีเข็มขัดนิรภัย ด้านหน้าในเบาะแถวที่ 1 ซึ่งเป็นแบบ ELR ยึด 3 จุด 2 ที่นั่ง พร้อมกับระบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ และ NR ยึด 2 จุด 1 ที่นั่ง โดยมีแป้นเบรกนิรภัยแบบยุบตัวได้ และวาล์วตัดน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ถือเป็นรถตู้อีกรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

การออกแบบภายใน โตโยต้า ไฮเอซ

สำหรับการออกแบบภายในของ โตโยต้า ไฮเอซ นั้นก็ออกแบบห้องโดยสารภายในมาได้อย่างกว้างขวางกว่ารุ่นเดิมๆ โดยมีจำนวนที่นั่ง ห้องโดยสารตอนหน้า 3 นั่ง สามารถปรับเอนและเลื่อนได้เฉพาะด้านคนขับ โดยวัสดุเบาะนั่งนั้นทำจากผ้า พร้อมด้วยส่วนเสริมต่างๆ ทั้งมาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่พร้อมสัญญาณเตือนมาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและสัญญาณเตือนไฟเตือนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และสัญญาณเตือนเสียงเตือนเมื่อเสียบกุญแจค้างพร้อมด้วยที่เขี่ยบุหรี่
ส่วนไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร มี 1 จุด พร้อมสวิตซ์ปิด-เปิดที่คนขับ โดยมีกระจกมองหลังสามารถแบบปรับลดแสงสะท้อน พร้อมกับช่องเก็บของด้านบนและล่าง และยังมีช่องเก็บของแผงประตูด้านหน้าพร้อมที่วางขวดน้ำ ส่วนที่เก็บเหรียญจะอยู่ที่คอนโซลหน้า 1 ตำแหน่ง และมีที่วางแก้วที่คอนโซลหน้า 2 ตำแหน่ง และคอนโซลกลาง 2 ตำแหน่ง พร้อมกับระบบปรับอากาศแบบธรรมดา 1 ตอน โดยที่พวงมาลัยเป็นแบบ 4 ก้าน หุ้มด้วยยูรีเธนและสามารถปรับระดับได้

สมรรถนะความปลอดภัยรถตู้รุ่นนี้
ทางด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์ถือเป็นรถตู้ที่มีความสามารถในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย จึงทำให้มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น 1KD-FTV (I/C) ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ จำนวน 4 สูบ แบบแถวเรียง DOCH 16 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ โดยที่มีขนาดความจุกระบอกสูบถึง 2,982 ซีซี โดยที่มีความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 96.0 มม. x 103.0 มม. โดยมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 16.0 : 1 สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 100 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 300 นิวตันเมตรที่ 2,400 รอบต่อนาที พร้อมกับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นแบบหัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่น แบบคอมมอนเรล โดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล พร้อมกับความจุถังน้ำมันขนาด 70 ลิตร โดยที่ได้มาตรฐานไอเสียแบบยูโร 4 อีกด้วย
ส่วนระบบเกียร์นั้นก็เป็นแบบเกียร์แบบธรรมดา 5 สปีด โดยมีอัตราการทดเกียร์ตั้งแต่เกียร์ที่ 1 ถึง 5 อยู่ที่ 4.313 ถึง 0.838 ส่วนอัตราทดเกียร์ถอยหลังจะอยู่ที่ 4.220 และมีอัตราทดเฟืองท้ายอยู่ที่ 3.727 ทางด้านของช่วงล่างนั้นก็แข็งแกร่ง ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระดับเบิ้ลวิชโบนและทอร์ชั่นบาร์สปริง พร้อมเหล็กกันโครง ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้กอัพ
ทางด้านของความปลอดภัย Toyota Hiace ก็มาแบบจัดเต็มด้วยระบบเบรกด้านหน้าที่เป็นแบบดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ในขณะที่ด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก ที่มาพร้อมระบบ Super LSPV นอกจากนี้ยังมีระบบพวงมาลัยแบบแรคแอนด์พีเนี่ยน ที่เป็นแบบเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง โดยที่มีล้อแบบกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบล้อแบบเต็ม และยางขนาด 195R 15C

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

2014 FORD Mustang Shelby GT500 ซุปเปอร์คาร์ในระดับตำนาน

สำหรับซุปเปอร์คาร์ สไตส์อเมริกัน หลายคนคงจะต้องนึกถึงและคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างยิ่ง ก็คงจะหนีไม่พ้นซุปเปอร์คาร์ในระดับตำนานอย่าง ฟอร์ด มัสแตรง ที่ต้องเรียกว่าก่อกำเนิความแรงสไตส์อเมริกันจนกลายเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว และมาคราวนี้เราก็อยากจะนำเสนอเรื่องราวของ ฟอร์ด มัสแตรง เชอร์บี้ จีที500

สำหรับเจ้า FORD Mustang Shelby GT500 นี้ต้องบอกว่าเป็นเวอร์ชั่นสำหรับที่เตรียมจัดจำหน่ายในปี 2014 นี้ โดยมันมาพร้อมกับความแรงด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถึง 5,800 ซีซี ในแบบ 5.8L Supercharged 4V Ti-VCT V-8 Engine  จำนวน 8 สูบ โดยกระบอกสูบแต่ละกระบอกสูบนั้นทำจากวัสดุอย่าง Aluminum โดยมันสามารถให้กำลังสูงสุดถึง 662 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที และมีอัตราเร่งอยู่ที่ 631 lb.-ft.ที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 9.0 : 1 พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมกับระบบหัวฉีดแบบ Sequential Multi-port Electronic Fuel Injection ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่นำเข้ามาใช้กับมัสแตรงรุ่นใหม่ งานนี้ต้องเรียกว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว

ในส่วนของระบบเกียร์นั้นต้องบอกเลยว่า ฟอร์ด มัสแตรง เชอร์บี้ จีที500 มาพร้อมกับระบบเกียร์รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจะเป็นระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด ชนิด Tremec ที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างไหลลื่น และเต็มสมรรถนะเลยทีเดียว นอกจากนี้สำหรับความปลอดภัยก็ต้องเรียกว่าจัดเต็มกับระบบเบรกแบบ Power 4-Wheel Disc with Brembo 6-piston front calipers; Anti-Lock System and Electronic Brakeforce Distribution ที่สามารถสั่งหยุดรถได้อย่างมั่นใจและมีความปลอดภัยสูงทีเดียว โดยมันถือว่าเป็นระบบเบรกรุ่นใหม่ล่าสุดที่ฟอร์ดได้วิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนาน

ในส่วนของเฟรมนั้น FORD Mustang Shelby GT500 ได้รับการออกแบบมาให้เป็นแบบอลูมินั่มไฟเบอร์ ที่มีความแข็งแกร่งสูงมากแต่ในทางกลับกันกลับมีน้ำหนักที่เบา เหมาะแก่การนำมาใช้ในซุปเปอร์คาร์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถทำความเร็วได้สูงในเวลาขับขี่ ในส่วนของช่วงล่างนั้นก็ถือว่าแข็งแกร่ง ด้วยการมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นเเบบ ndependent MacPherson Struts with Reverse-L Lower Control Arm, Stabilizer Bar ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Solid-axle 3-link with panhard rod ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นเป็นแบบ 4 ที่นั่ง โดยที่เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบโดยใช้วัสดุเป็นหนังแท้ ที่มีสีสรรสวยงามตัดกับคอนโซลสไตส์คลาสสิกแบบอเมริกันแท้ๆ โดยคงเอกลักษณ์ของความเป็นมัสแตรงไว้อย่างครบครันทุกกระเบียดนิ้วได้อย่างดีเยี่ยม

ทางด้านของราคา FORD Mustang Shelby GT500 นั้นอยู่ที่ 55,595 ดอลล่าห์สหรัฐ ต้องเรียกว่าแรงทั้งสมรรถนะและราคาจริงๆ ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับซุปเปอร์คาร์ในระดับตำนานอย่าง ฟอร์ด มัสแตรง




วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

Porsche Panamera Turbo ซีดานหรูเครื่องแรง

อีกหนึ่งแบรนด์รถซุปเปอร์คาร์สุดหรูที่ชาวไทยต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี ก็คงจะหนีไม่พ้น ปอร์เช่ ซึ่งถือว่าร้อนแรงด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่มีกำลังสุงและรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุดนั้นพวกเขาพร้อมแล้วที่จะส่งทีเด็ดอย่าง Porsche Panamera  Turbo มาเขย่าวงการความเร็วกันแล้ว และเชื่อได้เลยว่างานนี้ใครที่เป็นสาวกของ ปอร์เช่ จะต้องชื่นชอบมันอย่างแน่นอน

สำหรับรถซุปเปอร์คาร์อย่าง ปอร์เช่ พานามีร่า เทอร์โบ นี้ก็ต้องถือเป็นซุปเปอร์คาร์ พันธุ์แรงสะท้านทรวง ของปอร์เช่ อีกรุ่นหนึ่งจากตระกูลดังอย่าง Panamera ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นคือการมี 4 ประตูเหมือนรถซีดานหรูหราทั่วไป  โดยมันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถึง 4,800 ซีซี จำนวน 8 สูบ โดยเป็นเครื่องยนต์แบบ V engine สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 520 แรงม้า โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 10.5 : 1 โดยที่มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียง 3.9  วินาที เท่านั้น โดยมันทำความเร็วได้สูงสุดถึง 188 ไมล์ต่อชั่วโมง เรียกว่าแรงถึงใจกันเลยทีเดียว
ทางด้านของระบบเกียร์นั้น Porsche Panamera  Turbo ก็มาพร้อมกับระบบเกียร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่าง Porsche Doppelkupplung  ในแบบ 7 สปีด ซึ่งมีส่วนช่วยให้สมรรถนะในการขับขี่เป็นไปอย่างคล่องตัวไร้กังวล และที่สำคัญนั้นมันมาพร้อมกับความปลอดภัยที่ติดมาพร้อมกับตัวรถด้วยระบบเบรกแบบ ABS อันทรงประสิทธิภาพ ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานในแบบ 6-piston fixed aluminum monobloc calipers ที่ด้านหน้าส่วนด้านหลังเป็นแบบ 4 4-piston fixed aluminum monobloc calipers  ถือว่าเป็นระบบความปลอดภัยที่เหมาะสมกับชุปเปอร์คาร์แรงๆ แบบนี้
ในส่วนการออกแบบเฟรมนั้นได้รับการออกแบบให้เป็นแบบ Fully galvanized lightweight bodyshell in steel  เอกสิทธิ์เฉพาะ และทำจากวัสดุอย่าง aluminum hybrid design โดยมีการออกแบบตัวบอดี้ให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยโดดเด่นด้วยตัวถังที่ใหญ่โตตามแบบรถซีดาน แต่ยังคงเอกลักษณ์ตามสไตส์ของปอร์เช่เอาไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนแบบ Porsche Active Suspension Management อีกด้วย
สำหรับภายในห้องโดยสารมีจำนวนสี่ที่นั่ง โดยเบาะเป็นหนังแท้มีสีให้เลือกทั้งสีเบจ สีครีม สีแดงเลือดนก สีดำ และสีม่วงอ่อน ตามแต่สีของตัวบอดี้รถ ในส่วนของคอนโซลและพวงมาลัยก็ได้รับการบรรจุเทคโนโลยีสุดล้ำไว้อย่างมากมาย ช่วยให้การขับขี่ของคุณสะดวกสบายและสัมผัสความแรงได้อย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว
ทางด้านของราคาขาย Porsche Panamera  Turbo นั้นจะมีการเคาะราคาขายกันออกมาที่ 141,300 ดอลล่าห์สหรัฐ เรียกว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าอย่างมากกับสมรรถนะที่สุดแสนจะเหนือชั้น

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

Lamborghini GALLARDO LP 560-4 BICOLORE ซุปเปอร์คาร์พันธุ์แรงจากอิตาลี

สำหรับซุปเปอร์คาร์พันธุ์แรงจากแดนมักกะโรนีอย่าง ลัมบอร์กินี่ แล้วถือว่าไม่เป็นสองรองใครทางด้านของความแรงและความโฉบเฉี่ยวสวยงามบาดตาบาดใจ และความนี้เราจะพาคุณมาสัมผัสกับความแรงของเจ้ากระทิงเปลี่ยวตัวแรงอย่าง Lamborghini GALLARDO LP 560-4 BICOLORE ดูว่าจะแรงสะใจกันแค่ไหน
โดยสำหรับ ลัมบอร์กินี่ กลาลาโด้ แอลพี 560-4 ไบโคโรเร่ นั้นถือว่าเป็นรุ่นพิมพ์นิยมอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น LP-550-2  BICOLORE  โดยมันมาพร้อมกับสมรรถนะขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดถึง 5,204 ซีซี ซึ่งมีสเปคของเครื่องยนต์เป็นแบบ V 90 จำนวน 10 สูบ แบบ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ในแบบ common-pin crankshaft  ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 12.5 :1 และอัตราแรงบิดอยู่ที่ 540 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที โดยมีระบบจัดการเครื่องยนต์เป็นแบบ Bosch MED 9 ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของลัมบอร์กินี่ นอกจากนี้แล้วยังมีระบบทำความเย็นของเครื่องยนต์ที่เป็นแบบ Engine and Gearbox radiator ผสานการทำงานกับ Cooling System Oil อีกด้วย เรียกว่าสมรรถนะสูงเกินห้ามใจเลยจริงๆ
ในส่วนของระบบเกียร์นั้น พกพาระบบเกียร์มาแบบ 6 สปีด + reverse โดยมีฟังก์ชั่นเสริมที่เป็นแบบ A optional, robotized sequential e-Gear system สามารถทำงานร่วมกับระบบคลัทช์แบบ Double plate ขนาด 215 mm ได้อย่างลงตัว ทำให้การเคลื่อนตัวของรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ Lamborghini GALLARDO LP 560-4 BICOLORE สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่มีอัตราการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใช้เวลาเพียงแค่ 3.7 วินาทีเท่านั้น
ทางด้านของระบบเบรกนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยกับระบบเบรกแบบ Power vacuum ที่มี aluminium alloy callipers โดยที่ด้านหน้าจะเป็นแบบ 8-cylinder front calipers และด้านหลังเป็นแบบ 4-cylinder rear caliper สามารถหยุดรถได้อย่างใจสั่งเลยทีเดียว
สำหรับโครงสร้างเฟรมเป็นแบบ Structural aluminium space frame  โดยใช้วัสดุอย่าง aluminium extruded parts  ในขณะที่ตัวบอดี้จะเป็นแบบ Aluminium with thermoplastic โดยเป็นแบบ hang-on parts โดยให้ความแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักที่เบาช่วยให้มันสามารถทำความเร็วได้เป็นอย่างดี โดยมีช่วงล่างที่แข็งแกร่งอย่างมาก เพราะมีระบบกันสะเทือนเป็นแบบ Aluminium double-wishbone front and rear suspension system ที่มีประสิทธิภาพสูง
โดยสำหรับตัวบอดี้นั้นได้รับการออกแบบให้มีสไตส์ที่โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับของลัมบอร์กินี่ ทางด้านภายในของตัวรถ Lamborghini GALLARDO LP 560-4 BICOLORE เน้นสีเข้มคือสีดำทั้งเบาะนั่งหนังแท้ตัดเย็บอย่างประณีตและแผงคอนโซลสีดำที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ส่วนหน้าปัดแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ นั้นก็เป็นแบบดิจิตอลผสมกับแบบอนาล็อค พร้อมถุงลมนิรภัยทุกรอบห้องโดยสาร
มาดูกันที่ราคาของ Lamborghini GALLARDO LP 560-4 BICOLORE นั้น มีการรายงานออกมาแล้วว่าจะเคาะราคาขายกันออกมาที่ 198,900 ดอลล่าห์สหรัฐ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับซูเปอร์คาร์แรงๆ แบบนี้

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

Lamborghini GALLARDO LP 550-2 ซุปเปอร์คาร์แรงๆจากแดนอิตาลี

ทางด้านความแรงที่เหนือระดับของสุดยอดซุปเปอร์คาร์นั้น แน่นอนเลยว่าต้องไม่มีใครไม่รู้จักความแรงของรถดังจากแดนอิตาลีอย่าง ลัมบอร์กินี่ และล่าสุดนั้นมันก็พกพาความแรงมากับ Lamborghini GALLARDO LP 550-2 อีกหนึ่งรุ่นที่ร้อนแรงแห่งยุคเลยทีเดียว
สำหรับสมรรถนะความแรงของ Lamborghini GALLARDO LP 550-2 นั้นถือว่าเป็นซูเปอร์คาร์อีกรุ่นของ ลัมบอร์กินี่ ที่เรียกได้ว่าเป็นรุ่นพิมพ์นิยมอีกรุ่น โดยความแรงของมันนั้น มันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดความจุถึง 5,204 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์ในแบบ V 90 ชนิด จำนวน 10 สูบ common-pin crankshaft โดยเป็นแบบ DOHC 4 valves โดยที่จะควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
นอกจากนี้แล้วยังอัตราการอัดอยู่ที่ 12.5 :1 ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 540 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที โดยที่จะมีระบบจัดการเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ Bosch MED 9 โดยมีระบบทำความเย็นเครื่องยนต์เป็นแบบ Two water radiators ที่ทำงานควบคู่กับ engine and gearbox radiator with oil-to-water cooling system ถือว่าเป็นสเปคเครื่องยนต์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ทางด้านของระบบเกียร์นั้นก็มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ที่ทำให้ ลัมบอร์กินี่  กลาลาโด้ แอลพี 550-2 นั้นร้อนแรงเกินใครเมื่อมันทำงานร่วมกับระบบระบบคลัทช์แบบ Double plate ขนาด 215 mm ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างร้องแรงตามสไตส์ของซูเปอร์คาร์ชั้นเลิศ Lamborghini GALLARDO LP 550-2 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้นเอง ทางด้านของความปลดภัยนั้นมันก็มาพร้อมกับระบบเบรกแบบ Power vacuum, aluminium alloy callipers โดยที่ด้านหน้าจะเป็นแบบ 8-cylinder front calipers ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 4-cylinder rear caliper สามารถใช้ระยะเบรคที่ต่ำอย่างยิ่ง
มาดูกันต่อที่รูปลักษณ์ภายนอกกันบ้าง ต้องบอกเลยว่า Lamborghini GALLARDO LP 550-2 นั้นได้รับการออกแบบให้มีเฟรมในแบบ Structural aluminium space frame โดยเลือกใช้วัสดุอย่าง aluminium extruded parts ในการผลิต ในส่วนของตัวบอดี้นั้นจะเป็นแบบ Aluminium with thermoplastic ในแบบ hang-on parts ที่ให้ความแข็งแกร่งทนทานและมีน้ำหนักที่เบา ช่วยส่งให้มันสามารถทำความเร็วได้เป็นอย่างดี
ส่วนช่วงล่างนั้นก็เรียกว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างสูง โดยที่มีระบบกันสะเทือนเป็นแบบ Aluminium double-wishbone front and rear suspension system สำหรับตัวบอดี้นั้นเรียกว่าได้รับการออกแบบให้เป็นสไตส์โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับของลัมบอร์กินี่ ทางด้านภายในห้องโดยสารนั้น ต้องบอกเลยว่าภายมนนั้นจะเน้นสีเข้ม โดยจะเป็นสีดำทั้งเบาะนั่งหนังแท้ที่ได้รับการตัดเย็บอย่างประณีตและมีแผงคอนโซลสีดำที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง โดยที่หน้าปัดสามารถแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ ในแบบดิจิตอลผสมกับแบบอนาล็อค พร้อมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยทุกที่นั่งและรอบห้องโดยสารเลยทีเดียว
ทางด้านของราคา Lamborghini GALLARDO LP 550-2 นั้นเคาะราคาขายกันออกมาที่ 191,900 ดอลล่าห์สหรัฐ เรียกว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับซุปเปอร์คาร์แรงๆ จากแดนมักกะโรนี

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

Lamborghini GALLARDO LP 550-2 BICOLORE ซุปเปอร์คาร์สายพันธุ์อิตาลี

สำหรับใครที่หลงใหลในความแรงของซุปเปอร์คาร์สายพันธุ์อิตาลี อย่าง ลัมบอร์กินี่  แล้วมาคราวนี้ต้องไม่พลาดกับการนำเสนอเรื่องราวของซุปเปอร์คาร์แรงๆ อย่าง Lamborghini GALLARDO LP 550-2 BICOLORE ที่พกพาความแรงมาให้คุณได้สัมผัสกันอย่างถึงใจ
สำหรับ Lamborghini GALLARDO LP 550-2 BICOLORE นั้นต้องเรียกว่าเป็นรุ่นพิมพ์นิยมอีกรุ่นเลยทีเดียว โดยมันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 5,204 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์แบบ V 90 ชนิด DOHC 4 valves โดยมี 10 สูบ แบบ common-pin crankshaft  ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ต้องบอกว่าเครื่องยนต์แรงสะใจจริงๆ นอกจากนี้อัตราการอัดอยู่ที่ 12.5 :1
โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 405 kw ที่ 8,000 รอบต่อนาที และอัตราแรงบิดอยู่ที่ 540 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบจัดการเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ Bosch MED 9 เอกสิทธิ์เฉพาะของลัมบอร์กินี่เท่านั้น นอกจากนี้ระบบทำความเย็นของเครื่องยนต์ยังเป็นแบบ Two water radiators, engine and gearbox radiator with oil-to-water cooling system เรียกว่าจัดเต็มกันมาเลยทีเดียว
มาดูกันในส่วนของระบบเกียร์ของเจ้า ลัมบอร์กินี่ กลาลาโด้ แอลพี 550-2 ไบโคโรเร่ นั้นเป็นแบบ 6 speed  โดยทำงานร่วมกับระบบคลัทช์แบบ Double plate,  215 mm ทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปอย่างลื่นไหล โดยรถสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรนั้นใช้เวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น  จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากของลัมบอร์กินี่  ส่วนระบบเบรกนั้นก็หายห่วงด้วยเป็นระบบเบรกแบบ Power vacuum, aluminium alloy callipers โดยที่ด้านหน้าเป็นแบบ 8-cylinder front calipers และด้านหลังเป็นแบบ 4-cylinder rear caliper งานนี้เรียกว่าหยุดรถได้ตามใจสั่งกันเลยทีเดียว
สำหรับเฟรมของเจ้า Lamborghini GALLARDO LP 550-2 BICOLORE เป็นแบบ Structural aluminium space frame  โดยใช้วัสดุอย่าง aluminium extruded parts  ส่วนตัวบอดี้นั้นเป็นแบบ Aluminium with thermoplastic "hang-on" parts ที่ความแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักที่เบาช่วยให้สามารถทำความเร็วได้อย่างดี นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนช่วงล่างยังเป็นแบบ Aluminium double-wishbone front and rear suspension system  อีกด้วย
สำหรับตัวบอดี้นั้นได้รับการออกแบบให้เป็นสไตส์โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับของลัมบอร์กินี่เลยทีเดียว ส่วนภายใน Lamborghini GALLARDO LP 550-2 BICOLORE เน้นสีเข้มคือสีดำทั้งเบาะนั่งหนังแท้ตัดเย็บอย่างประณีตและแผงคอนโซลสีดำที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ส่วนหน้าปัดแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ นั้นก็เป็นแบบดิจิตอลผสมกับแบบอนาล็อค พร้อมถุงลมนิรภัยทุกรอบห้องโดยสาร
สำหรับราคา Lamborghini GALLARDO LP 550-2 BICOLORE นั้นอยู่ที่ราคา 198,900 ดอลล่าห์สหรัฐ ต้องถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับซุปเปอร์คาร์รุ่นนี้


วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

Lamborghini AVENTADOR LP 700-4 ซุปเปอร์คาร์ระดับท็อปคลาส

สำหรับใครที่หลงใหลความแรงของซุปเปอร์คาร์กันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น มาคราวนี้เราพร้อมที่จะนำเสนออีกหนึ่งค่ายรถแรงจากแดนมักกะโรนีอย่าง ลัมบอร์กินี่ ที่ต้องเรียกว่าเป็นคู่แข่งเบียดกันมากับเฟอร์รารี่เลยทีเดียว และมาคราวนี้เราก็อยากจะนำเสนอเรื่องราวของ Lamborghini AVENTADOR LP 700-4 ที่ต้องเรียกว่าพกพาความแรงระดับท็อปคลาสมาเลยก็ว่าได้
สำหรับ Lamborghini รุ่นนี้ ต้องเรียกว่าเป็นรุ่นใหญ่เครื่องยนต์แรงของค่ายเลยก็ว่าได้ โดยมันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดถึง 6,498 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์แบบ V12,60,MPI  ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 11.8 :1 พร้อมกับอัตราแรงบิดอยู่ที่ 690 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบจัดการเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ Lamborghini Iniezione Elettronica เอกสิทธิ์เฉพาะของลัมบอร์กินี่ เท่านั้น นอกจากนี้ระบบทำความเย็นของเครื่องยนต์ยังเป็นแบบ Water and oil cooling system ที่ทรงประสิทธิภาพและทำให้การทำงานของเครื่องยนต์โดยรวมนั้นทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างมากทีเดียว
มาดูกันในส่วนของระบบเกียร์นั้นเป็นแบบ 7 speed ISR โดยมีคุณสมบัติพิเศษอย่าง shifting characteristic depending on drive select mode โดยทำงานร่วมกับระบบคลัทช์แบบ Dry double plate clutch ทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปอย่างลื่นไหลและเป็นการขับเคลื่อนแบบ 4WD with Haldex generation IV อีกด้วย โดย Lamborghini AVENTADOR LP 700-4 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรนั้นใช้เวลาเพียง 2.9 วินาทีเท่านั้น ส่วนระบบเบรกนั้นก็หายห่วงด้วยเป็นระบบเบรกแบบ Dual hydraulic circuit brake system โดยทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้นเสริมด้วยระบบ CCB, 6-cylinder brake calipers
สำหรับเฟรมเป็นแบบ Carbon fiber monocoque โดยใช้วัสดุอย่าง Aluminium ส่วนตัวบอดี้นั้นเป็นแบบ Carbon fiber engine bonnet ที่ความแข็งแรงทนทานแต่มีน้ำหนักที่เบาช่วยให้สามารถทำความเร็วได้อย่างดี นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนช่วงล่างยังเป็นแบบ horizontal mono-tube damper with push-rod system อีกด้วย
สำหรับตัวบอดี้ออกแบบตามสไตส์ของลัมบอร์กินี่เลยทีเดียว ซึ่งแสดงถึงความโฉบเฉี่ยวและประตูเปิดแบบยกขึ้นด้านบน ส่วนภายในเน้นสีเข้มคือสีดำทั้งเบาะนั่งหนังแท้ตัดเย็บอย่างประณีตและแผงคอนโซลสีดำที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ส่วนหน้าปัดแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ นั้นก็เป็นแบบดิจิตอลผสมกับแบบอนาล็อค ถือว่า Lamborghini AVENTADOR LP 700-4 เป็นซุปเปอร์คาร์อีกรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับสนราคาของ Lamborghini AVENTADOR LP 700-4 นั้นมีการเคาะราคาออกมาที่ 376,000 ดอลล่าห์สหรัฐ ต้องเรียกว่าเป็นราคาที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวสำหรับสาวกของเจ้ากระทิงเปลี่ยวที่มาพร้อมกับความแรงเกินห้ามใจจริงๆ

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

สุดยอดยนตกรรมจากเมืองผู้ดี Jaguar F-TYPE แรงและหรูหรา

ในบรรดาซุปเปอร์คาร์ชั้นเลิศนั้น ต้องบอกลเยว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างค่ายซุปเปอร์คาร์ดังจากอิตาลีและเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ แต่มาคราวนี้เราจะมาสวนกระแสมาพบกับซุปเปอร์คาร์จากแดนผู้ดีกันดูบ้าง ซึ่งหลายๆ คนคงจะนึกออกในทันทีว่าเรากำลังพูดถึงค่ายรถยนต์หรูอย่าง จากัวร์ ที่นานๆ ครั้งถึงจะผลิตรถยนต์แนวซุปเปอร์คาร์ออกมาให้เราได้ยลโฉมกัน โดยคราวนี้พวกเขาก็ผสานเทคโนโลยีสุดล้ำ เข้ากับสมรรถนะความแรง และเติมความหรูหราเข้าไป จนกลายมาเป็น Jaguar F-TYPEที่ถือเป็นสุดยอดยนตกรรมจากเมืองผู้ดีเลยก็ว่าได้

สำหรับ จากัวร์ เอฟ-ไทป์ นั้นต้องเรียกว่าเป็นซุปเปอร์คาร์ที่ร้อนแรงของจากัวร์อีกรุ่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยมันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดความจุกระบอกสูบถึง 3,000 ซีซี ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบ V6 340PS Supercharged Petrol Engine อันทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้มีอัตราการอัดอยู่ที่ 10.5 : 1 และให้กำลังมากถึง 340 แรงม้า โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลาเพียงแค่ 5.3 วินาทีเท่านั้น พร้อมกับการขับเคลื่อนอันทรงพลังและร้อนแรงไปด้วยความแม่นยำในการเข้าโค้ง ก็ถือได้ว่า Jaguar F-TYPE เป็นซุปเปอร์คาร์ที่แสนจะน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในยุคนี้

ในส่วนของระบบเกียร์นั้น ต้องบอกกันตามตรงเลยว่า จากัวร์ เอฟ-ไทป์ นั้นมาพร้อมกับระบบเกียร์แบบพิเศษที่เป็นแบบ 8 สปีด ชนิด Quickshift automatic ทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปอย่างลื่นไหลและทรงพลัง นอกจากนี้แล้วในด้านของความปลอดภัยก็ยังมาพร้อมกับระบบเบรกแบบ ABS ทั้งสี่ล้อ โดยทำงานผสานกับระบบเบรกแบบดิสก์เบรกได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ ทำให้การหยุดรถนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงมากเลยทีเดียว

ทางด้านเฟรมนั้น มีการออกเบบเฟรมในรูปแบบพิเศษและวัสดุที่ใช้ก็ทำมาจากอลูมินั่ม ส่วนการออกแบบตัวบอดี้นั้นก็เป็นสไตส์ของจากัวร์ขนานแท้ ที่ต้องมีความดุดันน่าเกรงขาม ภายในห้องโดยสาร Jaguar F-TYPE มีจำนวน 2 ที่นั่งซึ่งเป็นเบาะหนังแท้ มีดีไซน์ยอดเยี่ยม โดยให้กระชับกับการนั่งโดยสาร พร้อมคอนโซลหน้าแบบหรูหราดูดีที่บรรจุเทคโนโลยีในการขับขี่ไว้อย่างครบครัน โดยเน้นที่สีโทนเข้มตามสไตส์รถสัญชาติอังกฤษ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดประทุนได้อีกด้วย เรียกว่างานนี้รับลมกันให้เต็มที่ไปเลยครับ

ทางด้านราคาของ Jaguar F-TYPE นั้น จะมีการเคาะราคาขายกันออกมาที่ 69,000 ดอลล่าห์สหรัฐ ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับซุปเปอร์คาร์แรงๆแบบนี้ งานนี้ใครที่ชอบความหรูหราและความแรงไปในตัวต้องพลาดในการหามาครอบครองซักคันแล้ว

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

ม้าป่าผยองแห่งอิตาลี Ferrari SP12 EC แรงและโดดเด่นเกินห้ามใจ

ในบรรดาค่ายรถยนต์แนวซุปเปอร์คาร์แล้ว คงจะต้องมีหลายๆ คนนึกถึงความแรงเกินห้ามใจของ ม้าป่าผยอง แห่งอิตาลี อย่าง เฟอร์รารี่ เพราะถือว่าแบรนด์รถยนต์ดังเจ้านี้เป็นหนึ่งในฝันของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว และสำหรับ Ferrari SP12 EC แล้วก็มาพร้อมกับความแรงและความโดดเด่นเกินห้ามใจ จนเมื่อคุณได้สัมผัสแล้วรับรองได้เลยว่าต้องหลงเสน่ห์อย่างถอนตัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน

ทางด้านของสมรรถนะแล้วต้องบอกกันเลยว่า Ferrari SP12 EC ถือเป็นซุปเปอร์คาร์อีกรุ่นที่ขนความเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่ มาอย่างครบครัน ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ในแบบ V8 – 90 ที่มีขนาดความจุของเครื่องยนต์ถึง 4,499 ซีซี สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 419 kW ที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยที่มีอัตราแรงบิดอยู่ที่ 540 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยอัตราการอัดอยู่ที่ 12.3 : 1 โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี้ก็ถือเป็นสเปกของขุมกำลังเครื่องยนต์ที่ถือว่าร้องแรงเป็นอย่างยิ่งสำหรับซุปเปอร์คาร์รุ่นนี้

ในส่วนของระบบเกียร์นั้น ต้องถือเลยว่า เฟอร์รารี่ เอสพี12 อีซี มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ7 สปีด ชนิด F1 ในการทำงานแบบ dual clutch โดยมีการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด มันจึงสามารถทำอัตราการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลาเพียงแค่ 3.3 วินาที เท่านั้น ถือว่าเป็นซุปเปอร์คาร์ที่มีกำลังในการขับเคลื่อนที่แรงเกินห้ามใจอย่างมาก และมีมีความเร็วที่สูง
ในส่วนของความปลอดภัยก็ถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงด้วยระบบเบรกแบบ ABS  ที่มีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ในแบบ E-Diff3 ที่ถือว่ามีความแม่นยำในการสั่งการสูง โดยจะผสานการทำงานกับระบบแบบ F1-Trac ทำให้คุณมั่นใจได้เลยถึงการหยุดรถทุกครั้งเมื่อเหยียบเบรค

ในส่วนของการออกแบบตัวบอดี้ของ Ferrari SP12 EC ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อมันถูกออกแบบมาตามหลักพลศาสตร์ในแบบอิตาเลี่ยนสไตส์แท้ๆ ด้วยการผลิตตัวบอดี้เป็นแบบเนื้อชิ้นเดียวและสามารถรองรับการเคลื่อนตัวของรถที่ต้องใช้ความเร็วที่สูง
โดยในส่วนของห้องโดยสารด้านในนั้นมีจำนวน 2 ที่นั่ง ตามแบบฉบับรถซุปเปอร์คาร์ โดยที่เบาะนั่งนั้นเป็นเบาะหนังแท้สีดำตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีต แบะสำหรับแผงควบคุมก็เป็นสีดำที่จากวัสดุอย่างแคบล่า ทำให้มีความรู้สึกได้ถึงความดุดัน ในส่วนของหน้าปัดแสดงมาตราวัดค่าต่างๆ นั้นจะเป็นแบบดิจิตอลผสมกับแบบอนาล็อคที่มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยบรรจุอยู่อย่างครบครัน ในส่วนของเฉดสีในตัวบอดี้นั้นก็ใช้สีแบบทูโทนทำให้โดดเด่นสวยงามเป็นอย่างมาก
ทางด้านของราคานั้น ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าด้วยสเปกที่สูงขนาดนี้ก็ทำให้ Ferrari SP12 EC นั้นมีการเคาะราคาขายกันออกมาในเรท 475,000 ดอลล่าห์สหรัฐ ถือว่าเป็นราคาที่ร้อนแรงสมกับความแรงของสมรรถนะที่แรงจนสุดจะบรรยายกันเลยทีเดียว


วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

หรูหราเกินคำบรรยาย Ferrari 458 Italia ซุปเปอร์คาร์สไตส์อิตาเลี่ยนแท้ๆ

ในบรรดาค่ายรถซุปเปอร์คาร์ที่วนเวียนกันอยู่ในวงการของความเร็วนั้น ม้าป่าผยอง จากดินแดนรองเท้าบู้ท ถือว่ามีชื่อเสียงทางด้านความแรงเป็นอย่างยิ่ง และเป็นแบรนด์รถซุปเปอร์คาร์ที่มีแต่คนใฝ่ฝันอยากจะมีไว้ในครอบครองซักคัน และล่าสุดนั้นพวกเขาก็ส่ง Ferrari 458 Italia ที่มีทั้งความแรงและเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตส์อิตาเลี่ยนแท้ๆ อย่างครบครัน มาให้ชาวโลกได้สัมผัสความแรงกันแล้ว

สำหรับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่มาแบบจัดเต็มของ Ferrari 458 Italia นั้นต้องเรียกว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเฟอร์รารี่ขนานแท้ ด้วยอิตาเลี่ยนสไตส์จึงทำให้เป็นรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมอย่างมากเลยทีเดียว โดยมันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์แบบ V8 – 90 มีขนาดความจุถึง 4,499 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 419 กิโลวัตต์ ที่ 9,000 รอบต่อนาที โดยมีอัตราแรงบิดอยู่ที่ 540 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที และมีอัตราการอัดอยู่ที่ 12.5 : 1 ซึ่งทำให้มันสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียง 3.4 วินาที ถือว่ามีสเปกของเครื่องยนต์ที่สูงมากอีกรุ่นเลยก็ว่าได้

ในส่วนของระบบเกียร์นั้นก็ถือว่ามีการดีไซน์ระบบเกียร์ที่ลงตัวและรีดสมรรถนะออกมาได้อย่างสุดกำลัง โดย ฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย จะมาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ 7 สปีด ซึ่งเป็นแบบ F1 ชนิด dual clutch โดยมันจะควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด โดยส่งผลให้การขับเคลื่อนของมันนั้นเป็นไปอย่างลื่นไหลและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ส่วนทางด้านของความปลอดภัยนั้นก็หายห่วงได้เลย เมื่อมันมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือได้ด้วยระบบเบรกแบบ ABS  ที่มีการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบ E-Diff3 ซึ่งจะมีการผสานการทำงานที่ลงตัวกับระบบแบบ F1-Trac ส่งผลให้มีความปลอดภัยสูงเป็นอย่างมากในการขับขี่เมื่อต้องใช้ความเร็วสูง

ในส่วนของการออกแบบตัวบอดี้นั้น ก็เรียกว่า Ferrari 458 Italia ถูกออกแบบมาตามหลักพลศาสตร์แบบอิตาเลี่ยนสไตส์ขนานแท้ตามแบบฉบับของเฟอร์รารี่ ส่วนห้องโดยสารด้านในนั้นมีจำนวน 2 ที่นั่งตามสไตส์รถซูเปอร์คาร์ โดยเป็นเบาะหนังแท้สีดำตัดเย็บด้วยมือสำหรับแผงควบคุมเป็นสีดำจากวัสดุอย่างแคบล่าให้ความรูสึกดุดัน ส่วนหน้าปัดแสดงมาตราวัดค่าต่างๆ เป็นแบบดิจิตอลผสมอนาล็อคที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยบรรจุอยู่อย่างครบครัน

ทางด้านของราคานั้น บอกได้คำเดียวว่าราคาของ Ferrari 458 Italia นั้นแปรผันตามกับความเร็วของเครื่องยนต์เป็นอย่างยิ่ง โดยจะมีการเคาะราคาขายออกมาที่ 233,509 ดอลล่าห์สหรัฐ เรียกว่าเป็นราคาที่เหล่าสาวกของ ฟอร์รารี่ ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน