วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562

ราคารถใหม่ Honda CR-Z รถยนต์อเนกประสงค์ระบบไฮบริด

รถยนต์อเนกประสงค์ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดสำหรับราคารถยนต์ใหม่ Honda CR-Z ที่เป็นรถยนต์แนวสปอร์ตร้อนแรงโดยผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า IMA ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์แนวสปอร์ตที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในช่วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมานั้นถือว่าเทคโนโลยีของพลังงานทางเลือกได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์อย่างมาก รวมไปถึงในเรื่องของยานยนต์ที่มีระบบไฮบริดเข้ามาเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมบรรจุเข้าไปในรถยนต์รุ่นต่างๆมากขึ้น

แต่เราก็ยังไม่ค่อยจะได้เห็นรถยนต์แนวสปอร์ตที่จะหันมาใช้ระบบพลังงานทางเลือกอย่างระบบไฮบริดเข้ามาใช้ในการทำงานของเครื่องยนต์มากนัก แต่แล้วค่ายรถยนต์ดังอย่าง ฮอนด้า ก็ทำให้โลกต้องประหลาดใจเมื่อพวกเขาส่ง Honda CR-Z ทำให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของรถยนต์แนวสปอร์ตไฮบริด ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง  โดยมาพร้อมกับ 4 เฉดสีให้คุณได้เลือกด้วยกัน ทั้ง สีเเดงมิลาโน, สีเทาสตอร์ม (เมทัลลิก) สีดำ และสีขาว พรีเมี่ยม (มุก)

ราคารถยนต์ Honda CR-Z

ราคารถยนต์ CR-Z JP 1,975,000 บาท
 ตรวจสอบราคารถยนต์ใหม่รุ่นอื่นๆได้ที่>> ราคารถยนต์ใหม่

ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ Honda CR-Z

สำหรับการออกแบบภายนอกของรถยนต์ Honda CR-Z นั้นก็ได้รับการดีไซน์ล้ำสมัย เฉียบคมทุกมุมมอง โฉบเฉี่ยวสวยงามเน้นความต่อเนื่อง ของเส้นสายตั้งแต่หัวจรดท้าย โดยที่มีตัวถังนิรภัยในแบบ จี-ฟอร์ซ คอนโทรล (G-Force Control) หรือ จี-คอน (G-CON) รวมถึงการดีไซน์ตัวรถที่เน้นให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ฐานล้อสั้นแบบ รถสปอร์ต และให้มีระยะห่างระหว่างล้อซ้าย-ขวา ทั้งคู่หน้าและหลังที่กว้าง ช่วยเพิ่มความมั่นคงของตัวรถในขณะขับขี่
ด้วยข้อดีข้อนี้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ โลดแล่นได้อย่างอิสระตามความต้องการ พร้อมกับ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ดุดันแนวสปอร์ตเต็มขั้น นอกจากนี้ยังมีกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์เฉียบคม ช่วยเพิ่มมิติความสปอร์ตทุกมุมมอง ส่วนไฟท้ายก็เป็นแบบ LED สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทุกองศา และนี่คือดีไซน์ภายนอกต้องบอกได้คำเดียวว่าสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก

ดีไซน์ภายในรถยนต์ Honda CR-Z

สำหรับภายในห้องโดยสารของรถยนต์ Honda CR-Z นั้นมาพร้อมกับห้องโดยสารสไตล์สปอร์ตเร้าใจในทุกมิติ พร้อมด้วยเบาะที่นั่งที่ให้ความโอบกระชับ โดยเบาะที่นั่งแถวหลังสามารถปรับพับได้แบบแบนราบ ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย และมีหัวเกียร์ที่มีดีไซน์สปอร์ตเร้าใจเป็นอย่างยิ่ง โดยที่แผงคอนโซลนั้นก็มีการดีไซน์ในแบบสปอร์ตเร้าใจพร้อมกับมีมาตรวัดที่แสดงผลข้อมูลในการขับขี่ทุกอย่างชัดเจน

เพลิดเพลินไปกับทุกจังหวะด้วยระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี ส่วนทางด้านของความปลอดถัยนั้น ก็เรียกว่ามีความสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมากด้วยถุงลมนิรภัยถึง 6 ตำแหน่ง รอบห้องโดยสารเลยทีเดียว ซึ่งในส่วนของถุงลมคู่หน้าจะเป็นแบบ Dual SRS ส่วนถุงลมด้านข้างคู่หน้าเป็นแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และเสริมด้วยม่านถุงลมด้านข้างที่ช่วยให้ความปลอดภัยมีสูงขึ้นอย่างมาก

สมรรถนะความปลอดภัย
ทางด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์นั้น ต้องบอกก่อนเลยว่ารถยนต์ Honda CR-Z รุ่นล่าสุดนั้นเป็นการนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ฮอนด้าได้วิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องอย่างยาวนานมาบรรจุเข้าไว้ ด้วยสมรรถนะแห่งความสปอร์ตเร้าใจอย่างเต็มสูบด้วยเครื่องยนต์แบบ SOHC ที่มีขนาดความจุ 1.5 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ i-VTEC สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 111 แรงม้า ในส่วนของพลังงานไฮบริดนั้นมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ IMA หรือ Integrated Motor Assist ที่ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์แบบปกติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับความล้ำสมัยในการขับขี่ด้วยระบบการขับขี่ในแบบ 3 โหมดที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการในการขับเคลื่อนในแบบปกติและแบบประหยัดพลังงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้ทุกการขับขี่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ

โดยที่ระบบไฮบริดนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ถือว่ามีความชาญฉลาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกการขับเคลื่อนโดยที่มีเครื่องยนต์ปกติเป็นแหล่งพลังงานหลัก เสริมกำลังเพิ่มความแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยทุกขั้นตอนเป็นการจัดการที่ถือว่ายอดเยี่ยมในการจัดการกับพลังงานเพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ และที่สำคัญนั้นก็คือมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ใหม่ Honda CR-Z ได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่กะทัดรัด พร้อมทั้งในส่วนของแบตเตอรี่ไฮบริดนั้นก็มีน้ำหนักเบา โดยมันจะจัดวางอยู่ใต้ห้องสัมภาระด้านท้าย จึงไม่ทำให้สูญเสียพื้นที่ด้านบนไปแต่อย่างใด นับว่าเป็นการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อโลกอย่างแท้จริง

โดยการขับเคลื่อนของรถยนต์ Honda CR-Z จะมาใน 3 โหมด ซึ่งก็มีทั้ง Sport Mode ที่เป็นโหมดที่ช่วยเพิ่มความสนุก และการตอบสนองที่เร้าใจในทุกการขับขี่ โดยที่ตัวระบบจะปรับการทำงาน ของลิ้นปีกผีเสื้อ มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ให้การตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการปรับการทำงานของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้าให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ เพื่อการเข้าถึงอารมณ์สปอร์ตอย่างแท้จริง นอกจานี้ยังมี Normal Mode ที่เป็นโหมดการขับขี่แบบปกติที่ให้ความสมดุลระหว่างความสนุกสนานในการขับขี่ และการประหยัดน้ำมัน สู่ทุกการขับขี่ที่ราบรื่นคล่องตัว
และสุดท้าย ECON Mode ที่เป็นโหมดการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และดูแลสิ่งแวดล้อม โดยระบบจะปรับการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน ในขณะรถวิ่ง นอกจากนั้นระบบจะควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิภายนอกรถ ซึ่งโหมดนี้จะช่วยควบคุม เครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับรถยนต์ใหม่รุ่นนี้

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562

รถยนต์สปอร์ตร้อนแรง Toyota 86 ความแรงในระดับพรีเมี่ยม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://thaicarbigbike.wordpress.com/
สำหรับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบอย่างรถยนต์ โตโยต้า นั้นเรื่องความแรงย่อมไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงทำให้ส่งรถยนต์สปอร์ตร้อนแรงอย่าง Toyota 86 มาให้ชาวไทยได้สัมผัสกันแล้วกับความแรงในระดับพรีเมี่ยมที่ทั้งสมรรถนะทางด้านของความเร็วจากขุมกำลังเครื่องยนต์ขั้นเทพ และรูปลักษณ์ที่สวยงามบาดตาบาดใจ ก็ทำให้มันเป็นที่สนใจได้ในระดับหนึ่งทีเดียว

เฉดสีภายนอกของรถยนต์ Toyota 86 โดยมาพร้อมกับ 7 เฉดสีให้เลือกสรรด้วยกัน ทั้ง Galaxy Blue Sillica, Sterling Silver Metallic, Orange Metallic, Lightning Red, Dark Gray Metallic, Crystal Black Silica เเละ Satin White Pearl

ด้านราคารถยนต์ Toyota 86

รถยนต์ Toyota 86 ราคา STD Grade M/T 2,490,000
รถยนต์ STD Grade ราคา A/T 2,560,000
รถยนต์ Top Grade ราคา 2,740,000

การออกแบบภายนอก Toyota 86

ทางด้านของการออกแบบภายนอกนั้น ต้องเรียกว่ารถยนต์ Toyota 86 พกพาความสวยงามตามแบบของรถยนต์แนวสปอร์ตมาอย่างครบครัน หนำซ้ำทางด้านของโครงสร้างก็ไม่เป็นสองรองใครเมื่อมีขนาดโครงสร้างความยาว x ความกว้าง x ความสูง อยู่ที่ 4,255 มม. x 1,795 มม. x 1,285 มม. โดยมีความยาวช่วงล้อที่ 2,570 มม. เเละมีความกว้างช่วงล้อหน้าอยู่ที่ 1,520 มม. ส่วนช่วงหลังนั้นจะอยู่ที่ 1,540 มม. โดยในส่วนของระดับต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 130 มม. โดยที่มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,250 กิโลกรัม เเละมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.4 เมตร

ส่วนถังน้ำมันนั้นมีขนาดความจุอยู่ที่ 50 ลิตร โดยตัวบอดี้นั้นได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมันให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตแบบสุดสุด กับสเกิร์ตรอบคัน แถมด้วยสปอยเลอร์หลังที่เพิ่มความเท่ห์ได้อย่างมาก ส่วนไฟหน้านั้นก็โดดเด่นในเเบบ HID ที่สามารถปรับระดับได้แบบอัตโนมัติ พร้อมกับไฟหรี่แบบ LED 7JJ ในรถยนต์ Toyota 86 รุ่น Top grade AT ส่วนรุ่น STD grade AT เเละ STD grade MT จะเป็นเเบบฮาโลเจน โดยมีทั้งไฟตัดหมอกทั้งด้านหน้าเเละหลัง นอกจากนี้ยังมีทั้งระบบทำความสะอาดไฟหน้าซึ่งเป็นแบบพับซ่อนได้ เเละกระจกมองข้างเเบบปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า ส่วนปลายท่อไอเสียนั้นเป็นเเบบคู่ เรียกว่าสวยงาม ดุดันแบบสปอร์ตเร้าใจไปเลย

ภายในห้องโดยสาร Toyota 86

สำหรับภายในห้องโดยสารของรถยนต์ Toyota 86  ได้รับการออกเเบบในเเบบสปอร์ตเร้าใจพร้อมกับการเลือกใช้โทนสีดำ เเละสีดำ-เเดง ในรุ่น Top grade AT ส่วนรุ่น STD grade AT เเละ STD grade MT จะใช้สีดำอย่างเดียว โดยมีพวงมาลัยระบบ EPS ที่หุ้มหนัง 3 ก้าน ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมดัวยมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล ในรุ่น Top grade AT สำหรับเซ็นทรัลล็อกนั้นจะมาในทุกรุ่น พร้อมทั้งยังมี หน้าต่างไฟฟ้า ที่มาพร้อมด้วยระบบ Jam Protection

ด้านคนขับและผู้โดยสาร ส่วนกระจกมองหลังเป็นแบบปรับกลางวัน-กลางคืน (Frameless) โดยวัสดุที่เลือกมาใช้ผลิตเบาะนั่งนั้นจะเป็น เบาะหนัง-ผ้าพิเศษ ในรุ่น Top grade AT ส่วนรุ่น STD grade AT เเละ STD grade MT จะเป็นเบาะผ้า โดยในส่วนของเบาะผู้ขับขี่ สามารปรับธรรมดา 6 ทิศทาง พร้อมระบบอุ่นเบาะ ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้า สามารปรับธรรมดา 4 ทิศทาง พร้อมระบบอุ่นเบาะ เเละเบาะหลังพับได้ ส่วนเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความร้อนนั้นจะเป็นแบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา พร้อมด้วยเครื่องเสียง เเบบหน้าจอสัมผัส DVD/ CD/ MP3/ WMA/ AAC/ Bluetooth/ SD Card พร้อมด้วยช่องเชื่อมต่อ USB ที่สามารถเชื่อมต่อ Smart Phone รองรับบริการพิเศษจาก smart G-BOOK

โดยในส่วนของความปลอดภัยนั้นก็เรียกว่าไม่ต้องกังวลใจกันเลยกับถุงลมเสริมความปลอดภัย แบบ SRS Airbags ถึง 7 จุดด้วยกัน โดยอยู่ทางด้านหน้า 2 จุด ด้านหลัง 2  จุด ในส่วนของม่านอีก 2 จุด และบริเวณเข่าของผู้ขับอีก 1จุด ส่วนเข็มขัดนิรภัยทางด้านหน้าจะเป็นเเบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง ซึ่งจะดึงรั้งกลับและผ่อนแรงแบบอัตโนมัติ ส่วนเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง จะเป็นเเบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง โดยที่จะมีกระจกบังลมหน้าอัดซ้อนนิรภัยที่มาพร้อมกับ Top Shade อีกด้วย ส่วนระบบป้องกันการโจรกรรมรถนั้น ก็เป็นระบบสตาร์ทอัจฉริยะเเละระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สุดท้ายเสริมด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ

สำหรับสมรรถนะความแรงของเครื่องยนต์นั้น ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อ Toyota 86 ที่เป็นรถยนต์สปอร์ตหนึ่งเดียวของค่ายโตโยต้าในตลาดรถยนต์เมืองไทยนั้น มีการวางเครื่องยนต์มาในแบบของเครื่องยนต์รุ่น FA20, Boxer จำนวน 4 สูบแถวนอน 16 วาล์ว DOHC โดยมีขนาดความจุกระบอกสูบ 1,998 ซีซี พร้อมกับความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 86 มม. x 86 มม. โดยมีระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ D4S หรือที่เรียกว่า Direct injection 4-Stroke gasoline Superior version พร้อมด้วยอัตราการอัดอยู่ที่ 12.5:1 โดยมันสามารถให้กำลังสูงสุดได้ถึง 200 เเรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที พร้อมกับมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 205 นิวตันเมตรที่ 6,400 รอบต่อนาที


โดยสำหรับระบบเกียร์นั้นก็มาพร้อมกับถึง 2 แบบ 2 สไตส์ให้เลือกสรรกันเลยคือ ระบบเกียร์เเบบ 6AT ในรุ่น Top grade AT เเละแบบ STD grade AT ส่วนในรุ่น STD grade MT จะเป็นระบบเกียร์เเบบ 6MT โดยมีระบบการขับเคลื่อนของรถเป็นเเบบตำแหน่งเครื่องยนต์วางหน้า โดยขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนระบบส่งกำลังนั้นจะมีระบบเกียร์เเบบอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ซึ่งเป็นเเบบ Paddle Shift ในรถยนต์ Toyota 86 รุ่น Top grade AT ส่วนรุ่น STD grade AT จะเป็นเเบบ อัตโนมัติ 6 สปีด เเละรุ่น STD grade MT จะเป็นเเบบ ธรรมดา 6 สปีด โดยมีอัตราการทดเกียร์จากเกียร์ที่ 1 ถึงเกียร์ที่ 6 เป็น 3.538, 2.060, 1.404, 1.000, 0.713 เเละ 0.582 โดยที่อัตราทดเกียร์ถอยหลังเป็น 3.168 เสริมด้วยระบบล็อกเฟืองท้ายเเบบ Torsen LSD โดยมีอัตราทดเฟืองท้ายที่ 4.100

ทางด้านของช่วงล่างนั้นก็เรียกว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นเเบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ในขณะที่ด้านหลังจะเป็นระบบกันสะเทือนเเบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง โดยที่มีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วนขนาดของยางจะเป็น 215/45R17 7JJ ในรุ่น Top grade AT ส่วนในรุ่น STD grade AT เเละรุ่น STD grade MT จะเป็นเเบบ ล้อแบบอัลลอย ขนาด 16 นิ้ว เเละขนาดของยางจะเป็น 205/55R16 6.5JJ
ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นก็ถือว่าจัดเต็มเป็นอย่างยิ่ง โดยมีระบบเบรกด้านหน้าเป็นเเบบ ดิสก์เบรก 16 นิ้ว พร้อมครีบระบายความร้อน ส่วนด้านหลังจะเป็นเเบบดิสก์เบรก 15 นิ้ว พร้อมครีบระบายความร้อน โดยมันจะทำงานภายใต้ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก แบบ ABS ที่มาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัว แบบ VSC และเสริมด้วยระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC โดยที่มีระบบกระจายแรงเบรก EBD เเละระบบเสริมแรงเบรก BA ช่วยทำให้ความปลอดภัยของรถยนต์ Toyota 86 อยู่ในเกณฑ์สูงสุดทีเดียว

ฮัทแบค 5ประตู Toyota Prius C มีดีมากกว่าที่คุณเห็นรถยนต์

หากเราจะว่ากันถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกที่โดดเด่นเกินใครในตลาดรถยนต์บ้านเราอย่างเทคโนโลยีไฮบริด เราก็คงต้องนึกถึงรถยนต์ Toyota Prius กัน แต่คราวนี้เรามายลโฉมรถยนต์อย่าง Toyota Prius C ที่เขาว่ากันว่ามีความเป็นรถยนต์แนวสปอร์ตเร้าใจเพราะมันพกพารูปลักษณ์ที่โดนใจวัยรุ่นมากกว่า ในแบบฉบับของรถยนต์แนวฮัทแบคที่บรรจุเทคโนโลยีไฮบริดเข้าไว้อย่างลงตัว ทำให้รถยนต์ พรีอุส ซี มันกลายเป็นรถยนต์ทางเลือกอีกรุ่นของโตโยต้าที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะความลงตัวทั้งทางด้านของสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน จนหากใครได้สัมผัสแล้วก็ยากที่จะปฏิเสธได้
ในส่วนของสีสันตัวบอดี้ของรถยนต์ Toyota Prius C ก็มาให้เลือกกันอย่างจุใจถึง 9 เฉดสีด้วยกัน Blue Metallic, Silver Metallic, Lime White Pearl Crystal Shine, Citrus Orange Mica Metallic, Aqua Mica Metallic, Super White II, Gray Metallic เเละ Black Mica, Super Red V ถือว่ามีเฉดสีให้เลือกเยาะมากๆครับ

ราคารถยนต์ Toyota Prius

ราคารถยนต์ Toyota Prius C 1,390,000

การออกแบบภายนอก Toyota Prius C

ในส่วนของโครงสร้างภายนอกของรถยนต์ Toyota Prius C นั้นก็โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เน้นทางด้านความปลอดภัยเป็นหลัก โดยมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งแบบโครงสร้างนิรภัย GOA เอกสิทธิ์เฉพาะของโตโยต้าที่วิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนาน โดยที่ตัวรถมีขนาดโครงสร้างที่น่าสนใจ โดยมีมิติขนาดของตัวถังของรถ ความยาว x ความกว้าง x ความสูง อยู่ที่ 3,995 มม. x 1,695 มม. x 1,455 มม. พร้อมด้วยขนาดของฐานล้อที่ 2,550 มม. โดยที่ระยะห่างจากพื้นถึงตัวถังจะอยู่ที่ 135 มม. พร้อมด้วยน้ำหนักรถโดยรวมจะอยู่ที่ 1,120 - 1,140 กิโลกรัม โดยใช้ยางเป็นรุ่น 185/60R15 เเละมีขนาดความจุถังน้ำมันที่ 36 ลิตรอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วในส่วนของตัวบอดี้นั้นก็โดดเด่นเป็นอย่างมากด้วยการดีไซน์ที่ถือว่าเป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหลังจากการเปิดตัวของรถยนต์ Toyota Prius ด้วยรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย แต่ก็ยังเป็นรูปโฉมที่ชื่นชอบในเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่สำหรับการออกแบบ Toyota Prius C นั้นถือว่าได้ก้าวข้าวรูปแบบเดิมๆ โดยมีการออกแบบให้เป็นแนวฮัทแบคขนานแท้ที่สวยงามและมีพื้นที่ใช้สอยได้มากมายอีกด้วย โดยความโดดเด่นนั้นก็ตั้งแต่ไฟหน้าที่เป็นเเบบฮาโลเจนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสว่างอย่างมาก พร้อมด้วยไฟแบบ LED ทางด้านท้ายของรถและไฟเบรก
โดยที่ระบบไฟด้านหน้านั้นสามารถปรับสูง-ต่ำ ได้แบบอัตโนมัติ เสริมด้วยระบบทำความสะอาดไฟหน้าที่เป็นแบบพับซ่อนได้ และยังมีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าในแบบอัตโนมัติ ส่วนกระจกด้านข้างคู่หน้าก็เป็นแบบลดการเกาะของหยดน้ำ ที่เรียกว่าเทคโนโลยี Hydrophillic

การออกแบบภายใน พรีอุส ซี

ทางด้านของห้องโดยสารภายในนั้น พรีอุส ซี ได้รับการออกเเบบอย่างโอ่โถง กว้างขวางและสวยงาม ด้วยโทนสีภายในห้องโดยสารเป็นสีดำ ในส่วนของพวงมาลัยนั้นก็หุ้มด้วยวัสดุอย่างหนังแท้ ในแบบ 4 ก้าน โดยที่มีหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบแบบ Jam-Protection ทั้ง 4 บาน นอกจากนี้ก็ยังมีกล่องอเนกประสงค์ พร้อมกับแผงบังแดด โดยที่มีกระจกไฟส่องสว่างด้านคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า เสริมด้วยไฟอ่านแผนที่ด้านหน้ากับไฟภายในห้องโดยสาร และยังมีไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้า และ ไฟส่องสว่างที่วางเท้าคู่หน้า โดยที่มีไฟภายในที่เก็บสัมภาระด้านหลังอีกด้วย พร้อมกับระบบส่องสว่างภายในห้องโดยสารที่เป็นแบบอัตโนมัติ
ทางด้านของกระจกมองหลังนั้นเป็นแบบปรับลดแสง โดยที่มีกล่องเก็บของด้านหน้า 2 ชั้น เเละที่วางแก้วน้ำด้านหน้าถึง 2 ตำแหน่ง ส่วนทางด้านหลังก็มี 2 ตำแหน่ง ในส่วนของเบาะที่นั่งนั้นก็ผลิตจากวัสดุอย่างหนังแท้สีดำ โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับ สามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง พร้อมกับปุ่มปรับเบาะดันหลังไฟฟ้าฝั่งคนขับ ซึ่งเป็นเเบบ Lumber Support โดยเบาะที่นั่งด้านหลังสามารถแยกพับได้แบบ 60:40 เเละมีพนักวางแขนด้านหน้า พร้อมกล่องเก็บของ ส่วนพนักวางแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ ทางด้านของเครื่องปรับอากาศนั้นก็เป็นแบบอัตโนมัติ พร้อมกับระบบปรับอากาศเปิด-ปิด ด้วยกุญแจรีโมท

ทางด้านของความปลอดภัยของรถยนต์ Toyota Prius C ก็มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัย ด้านหน้าเป็นเเบบ ELR, P/T และ F/L สำหรับเข็มขัดนิรภัยด้านหลังจะเป็นเเบบ ELR*3, W/O ALR พร้อมด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย คู่หน้า เเละถุงลมเสริมความปลอดภัย ด้านข้าง โดยเสริมด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัยม่านด้านข้างเเละถุงลมเสริมความปลอดภัยที่หัวเข่า ด้านคนขับ พร้อมกุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณเตือน การโจรกรรม TDS โดยเป็นระบบกุญแจ Immobilizer มีระบบล็อกอัจฉริยะ 2 ชั้น ส่วนโครงสร้างเบาะนั่งเป็นแบบ WIL
โดยในส่วนสมรรถนะของรถยนต์ Toyota Prius C ในเวอร์ชั่นของปี 2014 เเล้วนั้นต้องบอกเลยว่ามาพร้อมกับความเเรงด้วยเครื่องยนต์ขนาดความจุ 1.5 ลิตร ในเเบบ VVT-i ขนาด 16 วาล์ว ขนาดความจุ 1,497 ซีซี ให้กำลัง 54 เเรงม้าที่ 4,800 รอบต่อนาที เเละมีอัตราเร่งอยู่ที่ 111 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบเชื้อเพลิงในเเบบ Electronic Fuel Injection ส่วนเครื่องยนต์ในเเบบไฮบริดนั้น จะมีความจุสูงสุดถึง 520 โวลต์ เเละมันสามารถรีดพลังงานออกมาได้ถึง 45 kW พร้อมด้วยอัตราเเรงบิดที่ 169 นิวตันเมตร โดยมีเเบตเตอรี่เเบบ 20 โมดูลล่า ที่ความจุ 144 โวลต์ อีกด้วย

โดยทางด้านของการขับเคลื่อนรถนั้นมันก็มาพร้อมกับระบบเกียร์ที่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง โดยที่มีช่วงล่างที่แข็งแกร่งตามแบบฉบับของรถยนต์แนวฮัทแบค ด้วยเทคโนโลยีของระบบกันสะเทือนรุ่นใหม่ ที่ทำให้ Toyota Prius C มีความนุ่มนวลทุกการขับขี่ ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นเเบบเเมคฟอร์สัน
ส่วนด้านหลังนั้นเป็นเเบบ ทัวร์ชั่น บรีม พร้อมกับความปลอดภัยที่น่าสนใจอย่างยิ่งกับระบบเบรกด้านหน้าที่เป็นแบบ Ventilated disc ในขณะที่ด้านหลังนั้นก็มาพร้อมกับระบบเบรกแบบ Drum ภายใต้การควบคุมของระบบเบรกแบบ ABS เเละเสริมด้วยระบบกระจายแรงเบรกแบบ EBD โดยที่มีระบบควบคุมการทรงตัวแบบ VSC พร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ TRC และระบบช่วยออกตัวบนทางชันแบบ HAC
ส่วนทางด้านของพวงมาลัยนั้นก็เป็นแบบพวงมาลัยพาวเวอร์ สำหรับการควบคุมการขับเคลื่อนของรถ และสามารถทำรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดได้ที่ 4.8 เมตร ถือเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกที่มาพร้อมกับสเปกของสมรรถนะที่สูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรถยนต์ Toyota Prius C ถึงเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ที่มาพบเห็น

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

ใหม่ KAWASAKI Z900 ABS สปอร์ตเต็มพิกัด


สุดยอดเน็คเก็คความเร็วสูง KAWASAKI Z900 ABS ( คาวาซากิ แซด900เอบีเอส ) BIGBIKE ที่มาพร้อมกับรูปทรงการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวพร้อมสะกดให้ทุกคนจับจ้องมากที่สุด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก SUGOMI เป็นบิ๊กไบค์ที่มีการออกแบบการดีไซน์ที่วางเส้นสายตัวรถได้อย่างเท่ที่สะดุดตา การจัดวางตั้งแต่หน้ารถจนถึงท้ายรถ สามารถเรียกความสนใจจากทุกคนได้ไม่น้อยก็แล้วแต่มุมมองของคน

                บิ๊กไบค์สไตล์เน็คเก็ตรุ่นใหญ่ KAWASAKI Z900 ABS มาพร้อมเครื่องยนต์กำลังสูง 948 ซีซี เป็นขุมกำลังมหาศาล 125.5 แรงม้า โดยมีพื้นฐานมาจากเครื่อง Z1000 มาพร้อมกับระดับความเร็วแรง 6 สปีด สามารถเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยขุมกำลังที่มีเหลือเฟือ และเป็น BIGBIKE ที่มาพร้อมกับระบบการระบายความด้วยน้ำ จึงไร้กังวลเรื่องความร้อนซึ่งจะดีกว่าการระบายความจากปกติทั่วไป โดย KAWASAKI Z900 ABS จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ซึ่งแต่ละสีนั้นก็จะมีความโดดเด่นที่ต่างกันคือ สีเทา สีเขียว สีดำ สีน้ำเงิน เป็นสี Special Edition ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าจะชอบแบบไหน

                สำหรับเรื่องของความปลอดภัย บิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ KAWASAKI Z900 ABS ที่มีความมั่นใจกับระบบจานเบรคแบบทวินขนาด 300 มิลลิเมตร สำหรับช่วงหลังก็จะมีขนาด 250 มิลลิเมตร การติดตั้งโช๊คอัพหน้าที่จะเป็นแบบอินเวอร์เต็ดฟอร์ค ส่วนโช๊คอัพหลังก็จะเป็นแบบเดี่ยวที่ปรับระดับได้ สำหรับการเลือกยางจะเป็นยางที่สามารถยึดเกาะถนนได้หนึบมากขึ้นจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย BIGBIKE ตรงจุดนี้ก็ต้องลองพิสูจน์กันเองว่าจริงหรือไม่

                สำหรับ ราคา KAWASAKI Z900 ABS ที่เป็น bigbike รุ่นใหญ่ แต่ราคาเริ่มต้นที่ 399,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าต้องการรุ่นพิเศษเพียงแค่เพิ่มเงิน 30,000 บาทเท่านั้น คุณก็จะสัมผัสหรือเป็นเจ้าของ KAWASAKI Z900 ABS ได้แล้ว ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เน้นเท่และความปราดเปรียว ที่มีน้ำหนัก 210.5 กิโลกรัมเท่านั้น (แต่ถ้าไม่มีระบบเบรกเอบีเอสก็จะหนักเพียง 208.5 กิโลกรัม) แต่จะมีความสูงที่ 1.45  เมตร ด้วยน้ำหนักและความสูงบิ๊กไบค์ระดับนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างขนาดเล็กก็เป็นได้


และบิ๊กไบค์อย่าง KAWASAKI Z900 ABS ราคา เริ่มต้นที่ 399,000 เท่านั้น ถึงแม้ว่าราคาอาจจะไม่สูงมากแต่ก็ได้ฟังก์ชั่นที่ครบถ้วน สำหรับเรือนไมล์ที่เน้นเป็นระบบมัลติฟังก์ชั่น การออกแบบการจัดวางสวยงามที่สามารถอ่านได้ชัดเจน ซึ่งคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากอารมณ์ทั้งแบบอนาล็อกหรือแบบดิจิตอล ที่แสดงผลได้ชัดเจนแม้ในเวลากลางวันก็อ่านได้ดี สำหรับใครที่ชื่นชอบความเร็วก็ต้องหาโอกาสมาพิสูจน์ความเร็ว  KAWASAKI Z900 ABS รุ่นนี้ที่พร้อมให้คุณได้สัมผัสความมันส์กับพร้อมเป็นเจ้าถนนทุกที่ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับถนนหากใช้ความเร็วผิดที่อาจจะเป็นปัญหากับคุณได้

 ที่มา http://th-bigbike.com/kawasaki-z900-abs/

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562

ใหม่ KAWASAKI Z650 ABS Super Naked Bike น้ำหนักเบา


เน็คเก็คไบค์ขนาดกลาง KAWASAKI Z650 ABS ( คาวาซากิ แซด650 เอบีเอส ) เป็นรถบิ๊กไบค์สไตล์เน็คเก็ต หรือเป็นรถขนาดกลาง ที่เน้นความคล่องตัวตอบสนองทุกการใช้งานด้วยดีไซน์แบบใหม่ทำให้ดูหล่อเท่ เข้มดุดัน มีสไตล์เป็นของตัวเอง โฉบเฉี่ยวทุกพื้นที่ ด้วยน้ำหนักที่เบา พร้อมเปิดประสบการณ์ความท้ายทายคุณทุกช่วงเวลาจริงหรือไม่อันนี้ต้องลองดูกันเอง

                สำหรับ เฉดสีที่มีให้เลือกของ KAWASAKI Z650 ABS จะถูกออกแบบมาเพียงแค่ 2 สี เท่านั้น คือสีขาวและสีเขียว โดยจะเน้นสีดำเป็นหลักซึ่งทั้งสองสีนั้นตัดกับสีดำออกมาได้สวยเท่ไม่ซ้ำใคร รูปทรงตัวถังออกแบบดีไซน์ใหม่เน้นน้ำหนักเบาเพื่อความคล่องตัวบนท้องถนน เพียง 187 กิโลกรัมเท่านั้น จึงมีความคล่องตัวสูงสามารถเร่งอัตราความเร็วได้อย่างดี สำหรับส่วนท้ายที่เติมความเท่สปอร์ตมากขึ้นสไตล์บิ๊กไบค์ ด้วยการเสริมชุดแต่ง ทำให้ดูเท่พร้อมสะกดทุกสายตาคนมอง ตรงจุดนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล

                ตอบสนองความเร็วแรงของ คาวาซากิ แซด650 เอบีเอส ที่เน้นเป็นเครื่องยนต์ขนาดกลาง 649 ซีซี ที่ได้ปรับแต่งออกมาแบบใหม่เป็นขุมพลังที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น อัตราการเร่งเร็วแรงสะใจ ตอบสนองความต้องการผู้ที่ชอบความเร็วของBIGBIKE ได้อย่างดีไม่ว่าจะซิ่งที่ไหนก็ตาม หมดปัญหาเรื่องของความร้อนเพราะเป็นระบบการระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ทำให้ทุกช่วงเวลาขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น สำหรับระบบการจุดระเบิดจะเป็นระบบหัวฉีด

                บิ๊กไบค์ไซส์กลางสำหรับราคา KAWASAKI Z650 ABS ก็เบาๆที่ 283,000 บาท เท่านั้น ซึ่งจะมีเพียงแค่ 2 สีเท่านั้น แต่ก็สวยเท่คนละสไตล์ แต่ยังคงความเป็น Z อย่างชัดเจน ที่เป็นแนวสปอร์ตด้วยที่ครอบไฟหน้า  สำหรับสีขาวก็จะตัดด้วยโครงเหล็กสีเขียว ที่ทำให้ดูเท่หรูมากขึ้น สำหรับสีเขียวจะเป็นแนวเท่ๆดุดันมากกว่า ซึ่งทั้งสองสีนั้นได้รับแรงบันดาลใจจาก SUGOMI จึงทำให้ทุกอย่างสวยเท่อย่างลงตัวมากที่สุด


ด้านราคา KAWASAKI Z650 ABS ราคา เพียง แค่ 283,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาของบิ๊กไบค์ขนาดกลางที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ สำหรับใครที่ชอบความเร็วก็ต้องรุ่นนี้ ความสูงของรถรุ่นนี้ 2,115 มิลลิเมตร แต่จะมีน้ำหนักที่เบาเพียง 187 กิโลกรัมเท่านั้น จึงมีความปราดเปรียว คล่องตัวทุกการขับขี่ ประหยัดน้ำมันและมีความจุของเชื้อเพลิง 15 ลิตร เป็น BIGBIKE ที่ต้องยกนิ้วให้ว่าโดนใจผู้ที่ชอบความเร็วอย่างแท้จริง พร้อมทั้งระบบความปลอดภัยระบบเบรคเอบีเอสที่รัดกุมอย่างมาก พร้อมทำให้ความมั่นใจในทุกการขับขี่ที่จะทำให้คุณนั้นทะยานออกไปสู่บนท้องถนนได้พร้อมสะกดทุกสายตาคนมอง ก็ต้องมาลองพิสูจน์กันด้วยตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562

เฉดสีและราคา Kawasaki Z250 บิ๊กไบค์สไตล์เน็คเก็ต

เฉดสีและราคา Kawasaki Z250 บิ๊กไบค์สไตล์เน็คเก็ต
ที่มา http://th-bigbike.com/kawasaki-z250/

หากใครกำลังมองหาบิ๊กไบค์คันเล็กๆที่มาพร้อมกับสมรรถนะเทคโนโลยีที่โดนใจ Kawasaki Z250 หนึ่งในคำตอบที่คุณสามารถสัมผัสได้แล้ววันนี้ นั่นก็เพราะมาพร้อมกับราคาที่สมเหตุสมผล ไม่แพงมากจนเกินไป การออกแบบก็ดุดัน เท่ สวยงาม ลงตัวเป็นอย่างมากเลยครับ และนี่คือบิ๊กไบค์รุ่นเล็กที่หลายๆคนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้


สำหรับราคา Kawasaki Z250 มีค่าตัวอยู่ที่ 151,500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่โดนใจมือใหม่จริงๆ เป้นราคาแสนกลางๆ แต่ว่าคุณจะได้ทั้งการออกแบบที่ดุดัน และ เทคโนโลยีขั้นสูงจากญี่ปุ่น ภายนอกมี 4สีให้เลือกครับ นั่นคือ เขียวดำ ขาวดำ ส้มดำ และสีดำครับ ถือว่ามีให้เลือกเยาะมากเลยทีเดียวสำหรับเฉดสีภายนอกของ Kawasaki Z250 ซึ่งตอบโจทย์ชาวไบค์เกอร์ได้เป็นอย่างดี


การออกแบบก็เท่สุดๆเลยครับ มาพร้อมเส้นสายของความเป็นสปอร์ตและความดุดันสไตล์เน็คเก็ตปราดเปรียวอย่างมีเอกลักษณ์ สะดุดตาทุกมุมมอง และยังมีลายสติ๊กเกอร์ตัว Z บนฝาครอบหม้อน้ำ ทำให้ดูโดดเด่นไปอีกขั้น พร้อมเส้นสายลายกราฟฟิคทำให้เท่โดนใจทุกมุมมอง สำหรับการออกแบบภายนอกของ Kawasaki Z250 ถือว่ามันลงตัวจริงๆสำหรับเน็คเก็ตไบค์รุ่นนี้


ถือว่าเป็น NAKED BIKE ที่ยังคงน่าซื้ออยู่นะครับ สำหรับ Kawasaki Z250 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 249 ซีซีรุ่นนี้ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหามอเตอร์ไซค์ขับขี่เพลินๆ แถมยังสามารถสนองทุกความต้องการในเรื่องของการทรงตัว และช่วงล่างได้อย่างแข็งแกร่งอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นเล็กที่อัจฉริยะคันหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับบิ๊กไบค์จากค่ายคาวาซากิรุ่นนี้ ต้องบอกว่ามันลงตัวจริงๆ ราคาแสนกลางๆ น่าลงทุนซื้อยิ่งนักสำหรับ Kawasaki Z250 หากใครมีไว้ในครอบครองถือว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุนไปอย่างแน่นอนครับ สำหรับเน็คเก็ตไบค์ไซส์เล็กสเปคโดนใจรุ่นนี้