วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2564

สเปคและราคา Mazda CX-3 รถยนต์อเนกประสงค์ B-Segment


รถยนต์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นอีกหนึ่งรุ่น Mazda CX-3 รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางที่ต้องบอกว่ามันมีการออกแบบที่ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ รวมถึงห้องโดยสารที่จัดออฟชั่นแบบจัดเต็มไว้ภายใน รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ต้องบอกว่ามีให้อย่างครบครัน ไม่แพ้รุ่นอื่นๆในตลาดรถเลยทีเดียว

หลังจากที่ได้ข่าวคราวของการเปิดตัวรถ B-Segment Crossover SUV ที่พัฒนาพื้นฐานตัวถังและใช้เครื่องยนต์กับเทคโนโลยีร่วมกับ Mazda 2 โฉมใหม่อย่าง Mazda CX-3 ล่าสุดก็มีแผนการเปิดตัวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียราวๆ กรกฏาคมนี้ ส่วนในเมืองไทยไม่ต้องลุ้น มาให้สัมผัสแน่นอนในปลายปี เร็วสุดคาดราวๆ ตุลาคมนี้

Mazda CX-3 ได้เปิดตัวเต็มรูปแบบแล้ว Los Angeles Auto Show 2014 ที่ผ่านมา พร้อมการทยอยเปิดตัวหลายๆ ประเทศรวมไปถึงประเทศไทยก็จะได้สัมผัสกันด้วย ซึ่งมาสด้าเตรียมส่งรถรุ่นนี้เข้าร่วมแข่งตลาดรถ B-Segment Crossover SUV ในเมืองไทย โดยมีคู่แข่งสำคัญๆ อยู่ในไทยแล้วอย่าง Honda HR-V, Nissan Juke และ Ford Ecosport 

สำหรับรถยนต์ Mazda CX-3 โฉมใหม่ คาดจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 1.5 ลิตรเทอร์โบและเครื่องเบนซิน SKYACTIV 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมไปถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ยกชุดมาจาก Mazda 2 ทั้งดุ้นไม่ว่าจะเป็น MZD Connect ในจออินโฟเทนเมนต์, ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เป็นต้น

ที่สำคัญ Mazda CX-3 จะเป็นรถยนต์นั่งประกอบในประเทศไทย จากโรงงาน AAT จังหวัดระยองแน่นอน ทั้งสบายกระเป๋ายิ่งขึ้นแถมได้คุณภาพเต็มสูบจากมาสด้า งานนี้เก็บตังค์รอได้เลย!

ในขณะที่บ้านเรากำลังตามติดการมาของ Mazda 2 โฉมใหม่ กันอย่างใจจดใจจ่อ ทางด้านประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเองก็มีข่าวเตรียมเปิดตัวรถครอสโอเวอร์จากมาสด้า มาแล้ว นั่นคือ Mazda CX-3 โฉมไมเนอร์เชนจ์ พร้อมปรากฏโฉมในมาเลเซียเป็นที่แรกในอาเซียนราวๆ เดือนกรกฏาคมนี้

สำหรับสเปคที่จะจำหน่ายในมาเลเซียนั้นจะเป็นสเปคเดียวกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นแทบทั้งคันรวมไปถึงเครื่องยนต์บล็อกเบนซิน 2,000 ซีซี สำหรับราคาได้กำหนดอย่างไม่เป็นทางการมาแล้วว่า Mazda CX-3 จะมีราคาที่ 130,000 ริงกิต หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 950,000 บาท โดยประมาณ

แม้จะมีข่าวคราวการเปิดจำหน่าย Mazda CX-3 ในมาเลเซีย แต่ทางด้านในเมืองไทยจะมีโอกาสได้สัมผัสไหม ก็บอกได้ว่ามีโอกาสสูงทีเดียวแต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามข่าวคราวอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียวว่าจะมาหรือไม่ และถ้ามาจริง จะได้สเปคแบบไหนกัน

ราคา Mazda CX-3 ในตลาดรถ

ราคา Mazda CX-3 2.0 E 879,000 บาท
ราคา Mazda CX-3 2.0 C 955,000 บาท
ราคา Mazda CX-3 2.0 S 1,029,000 บาท
ราคา Mazda CX-3 2.0 SP 1,083,000 บาท
ราคา Mazda CX-3 1.5 XDL 1,189,000 บาท

หมายเหตุ:
ราคามาสด้ารุ่นดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
เฉพาะสี Snowflake White Pearl เพิ่มเงินอีก 7,000 บาท
เฉพาะสี Machine Gray เพิ่มเงินอีก 10,000 บาท
เฉพาะสี Soul Red Crystal เพิ่มเงินอีก 12,000 บาท

ข้อมูลและราคา ราคา Mazda 2 ทั้งแบบแฮทช์แบ็คและซีดาน

เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้วสำหรับราคา Mazda 2 โฉมใหม่ ในตลาดรถยนต์ ประเดิมด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซล Skyactiv-D 1.5L พร้อมเทคโนโลยีการควบคุมรถที่เหนือชั้น ให้คุณได้สัมผัสความแรงแต่ควบคุมง่ายกว่าที่คิด ซึ่งในเวลานี้ได้เผยทีเซอร์โฆษณาตัวใหม่ล่าสุดจากมาสด้าไทย ความยาว 1 นาทีที่แสดงถึงสมรรถนะของรถยนต์คันเล็กแต่ให้พลังที่ยิ่งใหญ่ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ เพื่อความท้าทายทุกการขับขี่ที่เหนือชั้น

การออกแบบดูแล้วมันดูดีทุกสัดส่วน อีกทั้งยังมาพร้อมกับการดีไซน์ที่สปอร์ตรอบคัน เส้นสายของการออกแบบถือว่าเฉียบคม ภายในห้องโดยสารดีไซน์แนวสปอร์ต ให้คุณรู้สึกถึงความเร้าร้อนในการขับขี่ รวมถึงเครื่องยนต์ที่แรงถึงใจ และระบบความปลอดภัยที่มาสด้าจัดมาให้อย่างเต็มคัน ถือว่านี่เป็นรถยนต์ที่ขายดีอีกหนึ่งรุ่น โดยราคา Mazda 2 มีรุ่นย่อยให้คุณเลือกเป็นเจ้าของหลายรุ่น จึงทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีให้เลือกทั้ง 4 ประตู และ 5 ประตู

และที่พลาดไม่ได้ คือการเปรียบเทียบ Mazda 2 รุ่นย่อยทั้ง 3 ว่าจะมีอุปกรณ์มาตรฐานให้ผู้สนใจได้ใช้อะไรกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ภายนอก, อุปกรณ์ภายใน, เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัย ซึ่งในเวลานี้ได้เผยชื่อรุ่นย่อยอย่างเป็นทางการทั้งแฮทช์แบ็คและซีดาน ได้แก่ 1.5 Skyactiv-D XD,1.5 Skyactiv-D XD High และ 1.5 Skyactiv-D XD High Plus+ โดยจะมีรายละเอียดดังนี้ 

และนี่ก็เป็นภาพรวมและราคา Mazda 2 ทุกรุ่นที่จำหน่ายในตลาดรถในขณะนี้ เชื่อกันว่าอีกไม่นานจะมีรุ่นพิเศษออกมาทำตลาด ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ มันต้องเป็นที่สนใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องขุมกำลังหรือการดีไซน์ มันช่างออกแบบมาได้อย่างสวยงาม และเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แต่งสวยอีกด้วย

ราคา Mazda2 Hatchback 2021

ราคา Mazda2 Hatchback 1.3 Sports Standard 530,000 บาท
ราคา Mazda2 Hatchback 1.3 Sports High 590,000 บาท
ราคา Mazda2 Hatchback 1.3 Sports High Connect 620,000 บาท
ราคา Mazda2 Hatchback 1.3 Sports High Plus 670,000 บาท
ราคา Mazda2 Hatchback XD Sports 680,000 บาท
ราคา Mazda2 Hatchback XD Sports High Connect 750,000 บาท
ราคา Mazda2 Hatchback XD Sports High Plus L 789,000 บาท

ราคา Mazda 2 รุ่น 1.5 Skyactiv-D XD ราคา 675,000 บาท

ราคา Mazda2 Sedan 2021

ราคา Mazda2 Sedan 1.3 Standard 530,000 บาท
ราคา Mazda2 Sedan 1.3 High 590,000 บาท
ราคา Mazda2 Sedan 1.3 High Connect 620,000 บาท
ราคา Mazda2 Sedan 1.3 High Plus 670,000 บาท
ราคา Mazda2 Sedan XD 680,000 บาท
ราคา Mazda2 Sedan XD High Connect 750,000 บาท
ราคา Mazda2 Sedan XD High Plus L 789,000 บาท

สเปคโดยรวมของ มาสด้า 2

- ไฟหน้า Halogen
- ที่ปัดน้ำฝนหน้าแบบหน่วงเวลา
- ที่ปัดน้ำฝนหลัง พร้อมหัวฉีดน้ำ
- สปอยเลอร์หลัง
- กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน
- กระจกกรองแสงรอบคัน
- กุญแจรีโมทและระบบเซ็นทรัลล็อก
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ภายในห้องโดยสารสีดำ
- มือจับประตูด้านในสีเงิน
- มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบดิจิตอล
- จอแสดงข้อมูลสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและข้อมูลการขับขี่ MID
- พวงมาลัยปรับได้  4 ทิศทาง
- วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำ
- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
- แผงควบคุมสวิตซ์เปิดปิดกระจกไฟฟ้าลายเคฟล่าร์
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
- แผงคอนโซลหน้าตกแต่งสีดำด้านและสีเงิน
- เบาะผ้าสีดำและสีแดง
- หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วย PVC ตกแต่งลายเคฟล่าร์
- กระจกไฟฟ้าและระบบ Jam Protection ด้านคนขับ
- วิทยุ FM/AM พร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 1 แผ่น
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
- ช่องเชื่อมต่อ AUX/USB 1 ช่อง
- ลำโพง 4 ตัว
- กุญแจ Immobilizer
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัว DSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัด HLA
- เบรกหน้าแบบดิสก์ และเบรกหลัง แบบดรัม
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS
- ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า
- ล้ออัลลอย 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15

     เฉพาะแบบรถ

- เสาอากาศแบบติดหลังคา (Hatchback)
- เสาอากาศแบบฝังกระจกหลัง (Sedan)

ราคา Mazda 2 รุ่น 1.5 Skyactiv-D XD high ราคา 735,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น XD)

- กระจกมองข้างพับไฟฟ้า
- กุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำและสีแดง
- แผงคอนโซลหน้าตกแต่งสีดำเงาและสีแดง
- เบาะผ้าสีดำแต่งด้วยด้ายสีแดง
- หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วย PVC ตกแต่งลายเคฟล่าร์และสีเงินวาว
- ฐานเกียร์สีดำลายเคฟล่าร์
- ฐานเกียร์สีดำ Piano Black
- เบาะหลังแยกปรับและพับ 60 : 40
- สัญญาณกันขโมย Burglar Alarm
- เบรกหน้าแบบดิสก์ และเบรกหลัง แบบดิสก์

เฉพาะแบบรถ

- แผ่นปิดห้องสัมภาระด้านท้าย (Hatchback)

ราคา Mazda 2 รุ่น 1.5 Skyactiv-D XD high Plus+ ราคา 790,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น XD High)

- ไฟตัดหมอกคู่หน้า
- กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ
- ปลายท่อไอเสียโครเมียม
- มือจับประตูด้านในสีเงินวาว
- มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอนาล็อก
- หน้าจอ Active Driving Display
- วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำและสีเงินวาว
- แผงคอนโซลหน้าตกแต่งหนังสีดำแต่งด้วยด้ายสีแดงและวัสดุสีเงินวาว
- แผงข้างประตูหุ้มด้วยหนัง
- เบาะหนังและผ้าสีดำแต่งด้วยด้ายคู่สีแดง
- หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ตกแต่งลายเคฟล่าร์และสีเงินวาว
- เบรกมือหุ้มหนัง
- ไฟส่องสว่างห้องโดยสารตอนหน้าแยกซ้าย-ขวา
- ไฟส่องสว่างห้องโดยสารตอนหลัง
- หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
- ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ Bluetooth พร้อมสวิตซ์ที่พวงมาลัย
- ระบบจดจำเสียง Voice Recognition
- ช่องเชื่อมต่อ AUX/USB 2 ช่อง
- ช่องใส่ SD Card สำหรับระบบนำทาง
- ลำโพง 6 ตัว
- ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R16

 

ข้อมูลรถยนต์ Mazda MX-5 รถยนต์สปอร์ตรอบคัน

จัดให้เข้าพวกเข้าแก๊งกันให้ครบ คราวนี้ถึงคิวของรถสปอร์ตเปิดประทุนจาก Mazda อย่าง Mazda MX-5 โฉมใหม่ ที่ได้นำการดีไซน์ตัวถังจาก Kodo Design, เทคโนโลยีการขับเคลื่อน Skyactiv, เทคโนโลยีเชื่อมต่อ MZD Connect และมั่นใจในความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ครบชุด นับว่าเป็นออฟชั่นที่น่าสนใจจริงๆ หากมองดูและมันเป็นรถยนต์ที่พร้อมขับขี่และลงตัวไม่ว่าจะเป็นสเปค ราคา และความแรงอีกด้วย

หลังจากที่ได้เผยโฉมดีไซน์ต้นแบบ Mazda MX-5 เจเนอเรชั่นที่สี่ มาแล้วเมื่อในเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ในเวลานี้ได้เผยโฉมเต็มรูปแบบพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทั้งสเปคอเมริกาและสเปคทั่วโลกด้วย เป็นรถยนต์ที่ต่างประเทศนิยมกันเป็นอย่างมากอีกรุ่นนึงนะครับ

สำหรับรายละเอียดที่ได้เผยมาแล้วนั้น รูปลักษณ์ภายนอกจะเน้นให้สัมผัสถึงความเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้น ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ที่มีความเรียวบางกว่า Mazda รุ่นอื่นๆ แต่ดีไซน์ก็ยังดูใกล้เคียงดวงตาอยู่บ้าง ไฟตัดหมอก LED แบบเรียงแนวตั้ง ไฟท้ายดีไซน์เฉพาะ เส้นสายของตัวรถถูกออกแบบมาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งความสวยงามและความสปอร์ตแผ่ออร่าออกมาอยู่รอบคันเลยทีเดียว

ส่วนภายในนั้นจะมีรูปลักษณ์ที่ผสมผสานระหว่างภายในของ Mazda MX-5 โฉมปัจจุบันและ Mazda 3 โฉมใหม่ล่าสุด ที่ให้ความสปอร์ตเต็มรูปแบบและจออินโฟเทนเมนต์ที่เชื่อมต่อด้วยระบบ MZD Connect รุ่นใหม่ล่าสุด ห้องโดยสารถือว่าทำออกมาได้อย่างดูดีและใช้งานได้ง่าย สมกับเป็นรถยนต์ยอมนิยมอีกหนึ่งรุ่นในตลาดรถที่ต่างประเทศนิยมกันจริงๆ

ด้านเทคโนโลยีการขับขี่จาก Skyactiv โฉมใหม่ทั้ง Skyactiv-G ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 129 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร สำหรับจำหน่ายในบางประเทศอีกด้วย รวมไปถึงตัวถังและเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบา

แถมออกแบบสัดส่วนน้ำหนักหน้าและหลังให้สมดุลในอัตราส่วน 50:50 จึงทำให้มีน้ำหนักเบาและแสดงประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ลดความแข็งแรงของตัวถังแต่อย่างใด และมั่นใจในความปลอดภัยด้วยระบบ i-ACTIVSENSE ใช้เรดาร์และกล้องตรวจจับสิ่งวัตถุโดยรอบ โดยรวมและถือว่าเป็นสเปคที่สุดยอดไปเลยทีเดียว อีกทั้งระบบความปลอดภัยที่ให้มา ถือว่าทางค่ายมาสด้าคำนึงถึงผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ทั้งนี้กำหนดการเปิดตัวพร้อมราคา Mazda MX-5 ยังไม่มีการเปิดเผยเพิ่มเติม แต่มีข่าวคราวที่น่าสนใจว่าอาจได้เปิดโฉมเต็มรูปแบบในงานชิคาโก้ ออโต้ โชว์ ที่จะถึงนี้ ต้องรอคอยกันต่อไปว่าในตลาดรถประเทศไทยจะนำเจ้ารถยนต์สปอร์ตสุดหรูรุ่นนี้มาจำหน่ายหรือไม่

โดยรวมแล้วถือว่า Mazda MX-5 มันเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจ ถึงแม้ในประเทศไทยจะถือว่าไม่ค่อยนิยมมากนัก แต่หากคุณมีรถยนต์รุ่นนี้ไว้ในครอบครอง ถือว่าคุณจะเป็นที่สนใจของใครหลายๆคนที่ได้ขับรถยนต์ที่แปลกตาแบบนี้

ดูข้อมูลรถยนต์มาสด้าเพิ่มเติมได้ที่ http://th-bigbike.com/category/car-reviews/mazda/

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

สเปคและราคา BMW X1 รุ่นใหม่ในตลาดรถ

 รถยนต์ BMW X1 ด้านหน้าของตัวรถ ถูกออกแบบขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก สายตาของเหยี่ยว ที่ดูมาดมั่น แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในตนเอง เส้นสายภายนอก แสดงออกถึงการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่ รถจะจอดนิ่ง สนิททุกรุ่น มีกระจังหน้าเป็นแบบ โครเมียม ลายขั้นบันได ไฟตัดหมอกด้านหน้า และไฟเลี้ยวที่กรอบกระจกมองข้าง แบบ LED มาให้ แต่เฉพาะ BMW X1 รุ่น 2.0 G ตัวท็อปเท่านั้น ที่จะมีไฟหน้าแบบ HID (High Intensity Discharge Headlamp) มาให้จากโรงงาน แบบไม่ต้องไปถอดหาเปลี่ยนเอาเอง ส่วน BMW X1 รุ่น 2.0 S ก็ใช้ไฟหน้า ฮาโลเจน กันต่อไปจุดเด่นในงานออกแบบของ BMW X1 นั้น มีด้วยกัน 3 ตำแหน่ง นั่นคือ แนวเส้นหลังคา และกรอบกระจกหน้าต่าง แบบ 6 Windows ดุจรถยุโรปชั้นดี

เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วย แนวเส้นสันพาดผ่านลำตัวด้านข้าง และไฟท้ายทรงล้ำยุค ที่ช่วยให้งานออกแบบของรถคันนี้ ยัคงดูได้นานและยังไม่เบื่อตาง่ายๆแต่ความต่าง ที่คุณสามารถแยกบนถนนได้ ว่ารุ่นใดเป็นรุ่นใด ก็คือ หากเป็น BMW X1 รุ่นท็อป 2.0 G ล้อจะเป็น อัลลอย ใหญ่ถึง 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/45 R18 และมีแผ่นบังโคลนซุ้มล้อแถมให้ห้องโดยสารเป็นเบาะหนังสีดำ แต่ถ้าเป็นรุ่น 2.0 S ล้ออัลลอยจะมีขนาดเล็กลง เหลือ 17 นิ้ว สวมเข้ากับยางขนาด 215/55 R17 และมีห้องโดยสารสีเบจ

ภายในรถยนต์ BMW X1 เน้นความหรูหรา และสีทูโทนสีเบจและสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น โดยรถยนต์ D-Segment นี้เป็นรถยนต์ที่มีออปชั่นในการอำนวยความสะดวก อย่างครบครัน ช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร สามารถพับเก็บได้ถึง สองชั้น  คอนโซล แบบทรงโค้งมน ภายในมี Sunroof ถึงสองช่อง ซึ่งเป็นความหรูหราอย่างที่รถยนต์ในรุ่นเดียวกันไม่เคยมีมาก่อน ไฟส่องภายในห้องโดยสาร  มีมาให้ถึง 4 ช่อง ครบครัน และเบาะสามารถปรับไฟฟ้าได้ครบทุกจุด เครื่องปรับอากาศ อัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผลแบบระบบสัมผัส

เครื่องยนต์ BMW X1 เครื่องยนต์ บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86 x 86 มิลลิเมตร (ห้องเผาไหม้แบบ Square) อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 :1 เสื้อสูบและฝาสูบ ทำจากอะลูมีเนียมทั้งหมด พร้อมระบบแปรผันวาล์วที่หัวแคมชาฟต์ทั้งฝั่งวาล์วไอดี และไอเสีย CVVT กำลังสูงสุด 165 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตันเมตร (20.2 กก.-ม.) ที่ 4,600 รอบ/นาที

BMW ค่ายรถยนต์ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุดพวกเขามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ เพื่อลุยตลาดแข่งกับ BMW X1 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้โดยเฉพาะ BMW X1 ถือเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์กลุ่ม B-Segment Crossover ซึ่งยอดขายกำลังไปได้ดีในหลายประเทศ โดยหลังจากการทำตลาดนอกญี่ปุ่นของจู๊คที่ผ่านมานั้น ทำให้มีคู่แข่งหลายรายต่างลงมาชิงชัยในตลาดกลุ่มนี้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น Ford EcoSport, Chevrolet Trax, Peugeot 2008 ฯลฯ

BMW ก็เตรียมลงสนามชิงส่วนแบ่งนี้ด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้พื้นฐานจากรถคอนเซ็พท์ 'Curb' ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมาในสหรัฐฯ โดยทางผู้บริหารยังออกมาบอกว่าจะไม่ได้ออกมาในรูปแบบ BMW X1 เวอร์ชั่นย่อส่วน แต่จะเป็นรถที่ถูกออกแบบใหม่หมดทั้งคัน สำหรับครอสโอเวอร์คันดังกล่าวจากฮุนไดคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2021 นี้

BMW เดินหน้าพัฒนารถไฮบริดด้วยระบบขับเคลื่อนลูกผสมแบบเบนซิน-ไฟฟ้าเพื่อท้าชนกับค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอย่างโตโยต้าพรีอุส ที่เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กที่ได้ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาใช้งานเป็นรุ่นแรกๆ และเป็นรถไฮบริดที่ครองตลาดอยู่ในเวลานี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW ได้ให้สัมภาษณ์กับทางรอยเตอร์ว่า

“เราต้องการก้าวยกระดับรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถครองผู้นำตลาดได้ในอนาคต ทั้งรถไฮบริด, รถปลั๊กอินไฮบริดและรถที่ใช้ไฮโดรเจนฟิวเซล”

ทั้งนี้ถ้าจะพัฒนารถยนต์ไฮบริดจริงเพื่อท้าชนกับแบรนด์ญี่ปุ่น BMW X1 ก็จะต้องพัฒนาระบบจ่ายพลังให้แตกต่างและจากโตโยต้าพรีอุสรวมไปถึงรูปลักษณ์ก็ต้องทำให้แตกต่างจากตัวพรีอุสด้วย ซึ่งอาจใช้ BMW X1 มาพัฒนาไฮบริดที่มีอยู่เดิมมาเสริมประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องดูอนาคตกันต่อไป

ข้อมูลและราคา Yamaha YZF-R1 และ Super Tenere รุ่นใหม่

หากพูดถึงรถบิ๊กไบค์แนว ซูเปอร์สปอร์ตแล้ว เรามาดูราคา Yamaha YZF-R1 ก็ต้องนึกถึงบิ๊กไบค์สายพันธุ์อิตาเลียนและสายพันธุ์ฝั่งเอเซียอย่างค่ายจากญี่ปุ่นกันบ้าง ครั้งนี้เราเลยจะมาของนำเสนอบิ๊กไบคืสายพันธุ์เอเชียอย่าง ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์1 ที่เค้าว่ากันว่ากำเนิดมาจากโมโตจีพี ซี่งก็แน่นอนว่ามันมีพัฒนาการมาจากรถแข่งที่ใช้ทำการแข่งขันในรายการโมโตจีพีของยามาฮ่าที่ส่งลงแข่งขัน อีกทั้งราคา Yamaha YZF-R1 ยังน่าสนใจอย่างมาก และใช้เทคโนโลยีที่ได้จากสนามแข่งนั้นมาใส่ลงไปในบิ๊กไบค์รุ่นต่างๆ ที่เราได้เห็นกัน รวมทั้งรุ่นนี้ด้วย

สำหรับราคา Yamaha YZF-R1 รุ่นนี้ในตลาดรถ มาพร้อมกับขุมกำลังขั้นสูงนั้นมากับเครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี 4 สูบ เครื่องยนต์เป็นแบบ forward-inclined parallel 4-cylinder แบบ DOHC โดยมีจำนวนวาล์วต่อสูบเท่ากับ 4 วาล์วอัตราการอัดอยู่ที่ 12.7 :1 ให้กำลัง 182 แรงม้าที่ 12,500 รอบต่อนาที ระบบหล่อลื่นเป็นแบบเปียก มีระบบจุดระเบิดเป็นแบบ ดิจิตอล TCI แรงบิตสูงสุดที่ทำได้ 115.5 นิวตันเมตรที่ 10,000 รอบต่อนาที

วันนี้จะพามาดูรายละเอียดกันต่อที่คาบูเรเตอร์และราคา Yamaha YZF-R1 เป็นแบบหัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีระบบคลัทช์เป็นแบบเปียกชนิดคอยล์สปริงหลายแผ่น ซึ่งมาพร้อมกับระบบเกียร์ 6 สปีด ให้อัตราการเร่งที่ตอบสนองแรงบิดจากผู้ขับขี่ได้อย่างลื่นไหล โดยมีการสตาร์ทด้วยมือเป็นระบบไฟฟ้า

เรามาดูที่เฟรมของ Yamaha YZF-R1 นั้นเป็นแบบ Aluminium Deltabox ที่ให้ความคงทนและเบา รองรับกับบอดี้แบบซูเปอร์สปอร์ตที่ดูแล้วลงตัวเหมาะเจาะ พร้อมด้วยระบบเบรกล้อหน้าแบบ Hydraulic dual disc ส่วนล้อหลังเป็นแบบ Hydraulic single disc .ให้ความปลอดภันขั้นสูง เบาะเป็นหนังแท้ แบบสองชิ้น แยกส่วนแบบต่างระดับ หน้าปัดเป็นแบบดิจิตอลแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ แบบ LED เห็นรายละเอียดขนาดนี้แล้วต้องไม่พลาดการไปทดลองขับบ้างแล้ว

สำหรับราคา Yamaha YZF-R1 อยู่ที่ 14,490 ดอลล่าห์สหรัฐ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการที่จะครอบครองบิ๊กไบค์สายพันธุ์จากสนามแข่งโมโตจีพี งานนี้เพื่อนๆ คงเก็บเงินรอกันได้เลยครับ

กระแสนิยมรถบิ๊กไบค์ในบ้านเรานั้นเริ่มแรงมากขึ้นในปัจจุบันไม่รู้ว่ามีเพื่อนชาว ได้ลองขี่กันบ้างหรือยัง แต่นอกจากรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แนวทางเรียบแล้ว อีกหนึ่งแนวที่หลายคนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากก็คือแนวทัวร์ริ่งและราคา Yamaha Super Tenere ก็น่าสนใจ ที่นับวันกระแสจะมาแรงเรื่อย ๆ เพราะถือเป็นการขับรถมอเตอร์ไซค์โชว์ความแรงและได้ท่องเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวหลายๆ แบบทั้งธรรมชาติ และเชิงวัฒนธรรม ประกอบกับ ณ ปัจจุบันมีเส้นทางสำหรับการขับขี่ที่สวยงามหลายเส้นทาง จึงไม่น่าแปลกใจที่บิ๊กไบค์แนวนี้จะได้รับความนิยมอย่างสูง โดยวันนี้ขอนำเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ Yamaha Super Tenere บิ๊กไบค์แนวทัวร์ริ่งระดับท๊อปกันครับ

ขุมกำลังและราคา Yamaha Super Tenere รุ่นนี้ค่อนข้างจะแพงนะครับ มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบทวิน ขนาดกระทัดรัดที่ขนาด 1,199 ซีซี แบบ liquid-cooled 4-stroke 2-cylinder DOHC โดยมีระบบ YCC-T เป็นตัวควบคุมอัตราเร่ง พร้อมด้วยระบบเบรก ABS ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ทำให้เร่งกันอย่างสะใจเลยทีเดียว

โดยเมื่อเป็นรถทัวร์ริ่ง Yamaha Super Tenere จึงเน้นการออกเเบบเฟรมของรถอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถนั่งขับขี่ได้อย่างสบาย โดยความสูงของเบาะนั่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่ เหมือนกับว่าเพื่อนๆ อาจจะมีช่วงขาและความสูงแตกต่างกันไป เจ้า เทนเนอร์ ก็สามารถรองรับได้เพียงแค่ปรับเบาะเท่านั้นเอง

สำหรับราคา Yamaha Super Tenere นั้นมาด้วยกันสองรุ่นคือ XT1 200Z Option Side Case กับรุ่น XT1 200Z (SE) Full Option ให้ได้เลือกกันตามความชอบ แต่ทางจากถามเรา ก็ขอแนะนำรุ่นหลังไปเลยเพราะจะได้สัมผัสถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลชวนฝันแม้จะเป็นบิ๊กไบค์ ทัวร์ริ่งก็ตาม โดยราคา Yamaha Super Tenere นั้นสำหรับรุ่น XT1 200Z Option Side Case ราคา 840,000 บาท ส่วนราคา Yamaha Super Tenere รุ่นใหญ่ขึ้นไป โดยราคา Yamaha Super Tenereรุ่น XT1 200Z (SE) Full Option มีราคอยู่ที่า 890,000 บาท

ราคารถใหม่ BMW X3 ห้องโดยสารกว้างเครื่องยนต์แรง

สำหรับรถยนต์ที่น่าสนใจและหรูหรา BMW X3 ที่เป็นสาวกของรถยนต์ซีดานหรูหราขนาดใหญ่แล้วล่ะก็ น่าจะสนใจกับการเตรียมเปิดตัวรถยนต์ซีดานรุ่นใหญ่ ที่พกพาความหรูหรามาแบบเต็มพิกัดเลยทีเดียวกับ BMW X3 ในเวอร์ชั่นล่าสุดนั่นเอง ซึ่งเป็นความหวังของบีเอ็มดับเบิลยู ในการถ้าชิงตลาดรถยนต์ซีดานหรูหราขนาดใหญ่ ที่มีคู่แข่งขันระดับพระกาฬอย่างมากมาย แต่งานนี้เราคาดว่าทางค่ายดังจากแคว้นบาวาเรียจะคาดหวังกับรถยนต์ซีดานรุ่นนี้ของพวกเขาไว้อย่างมากเลยทีเดียว

โดยสเปคของเครื่องยนต์สำหรับ BMW X3 ในเวอร์ชั่นลาสสุด นั้นพกพาความแรงมาด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด V8 ที่ให้กำลังแรงม้ามากกว่า 350 แรงม้า พร้อมด้วยระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ที่ทำงานร่วมกับระบบหัวฉีดแบบอิเล้กทรอนิกส์ และยังมีระบบเบรกขั้นสุดยอดอย่างระบบเบรกแบบ ABS โดยมันได้รับการเปิดตัวครั้งแรกแล้วในงาน Auto Show ที่ประเทศจีน

BMW X3 2021 ราคา

ราคา BMW X3 xDrive20d xLine ราคา 3,359,000.
ราคา BMW X3 xDrive20d M Sport ราคา 3,659,000.

**ราคา BMW X3 2021 ที่ปรากฎอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นโชว์รูมผู้จัดจำหน่าย โปรดสอบถามรายละเอียดที่โชว์รูมผู้จำหน่ายใกล้บ้านท่าน

** ราคาขายรวมกับ BSI STANDARD แพคเกจ การบริการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

โดยรูปลักษณ์ภายนอกของ BMW X3 นั้นเรียกได้ว่ามาพร้อมกับความแรงจึงทำให้โครงสร้างของรถมีขนาดใหญ่ และมีบอดีที่มีขนาดใหญ่ตาม โดยได้รับการออกแบบตามหลักลพศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพื้นฐานการพัฒนามาจากรุ่น BMW X3 ส่วนห้องโดยสารภายในนั้นก็โอ่อ่าสมฐานะการเป็นรถยนต์ซีดานหรู ด้วยเบาะหนังแท้ตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีตจำนวน 4 ที่นั่ง พร้อมแผงคอนโซลที่เรียบหรูดูดีมีสไตส์ แต่แผงไว้ด้วยเทคโนโลยีชั้นสุงสำหรับการขับขี่


สำหรับ BMW X3 นั้นทาง BMW ได้วางไว้ให้เป็นคู่แข่งของรถยนต์ซีดานหรูอย่าง Rolls Royce Phantom, Pininfarina Gran Lusso V12, Concorso d’Eleganza Villa d’Este และ Mercedes-Benz S-Class Coupe โดยพวกเขามีแผนที่จะปล่อย BMW Series 9 moniker ซึ่งใหญ่กว่า ออกมาเขย่าตลาดรถยนต์ซีดานหรูอีกรอบในไม่ช้า สำหรับ ราคา BMW X3 ในเวอร์ชั่นล่าสุด นั้นยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็คาดว่ามันต้องราคาแรงอย่างแน่นอน

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจในความเเรงของรถยนต์จากค่ายดังเมืองเบียร์อย่าง BMW X3 เเล้วนั้นต้งสนใจกับข่าวล่าสุดของการเปิดตัวชุดเเต่งสำหรับรถยนต์คูเป้เท่ห์ๆ อย่าง BMW X3 โดยคราวนี้มีการพัฒนาปรับปรุงให้มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวทั้งรูปโฉมที่สวยงามสง่าเเละสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัเกรดขึ้นอย่างน่าสนใจเลยทีเดียว

โดยสำหรับค่ายรถเเต่งอย่าง AC Schnitzer นั่นเองที่เป็นผู้จัดการเปิดตัวชุดเเต่งสำหรับ BMW X3 ออกมาแล้วโดยมีลักษณะเปลี่ยนแปลงจากรถแบบ coupe version ไปพอสมควรโดยเฉพาะสปอยเลอร์แบบ Roof ด้านหลัง โดยนอกจากนี้พวกเขายังให้ลูกค้าเลือกลายของล้อแม็กซ์สำหรับการออกแบบและขนาดของมันด้วย ปิดท้ายด้วยท่อไอเสียแบบสปอร์ต, ที่ครอบเกียร์และเบรคมือที่ทำมาจากหนังแท้, แผ่นอะลูมิเนียมบริเวณที่วางขาและประตูและปิดท้ายด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ i-Drive controller

เเละนอกจากนี้เเล้ว AC Schnitzer ได้เพิ่มการอัพเกรด BMW X3สำหรับโฉมยุโรปดังนี้ BMW 420i กำลังขับเคลื่อน 135 kW/184 PS ไปจนถึง 180 kW/245 PS ส่วนรุ่น BMW 428i กำลังขับเคลื่อน 180 kW/245 PS ไปจนถึง 216 kW/294 PS เเละรุ่น BMW 435i กำลังขับเคลื่อน 225 kW/306 PS ไปจนถึง 265 kW/360 PS เเละ BMW 420d กำลังขับเคลื่อน 135 kW/184 PS ไปจนถึง 160 kW/218 PS สุดท้ายเป็นรุ่น BMW 435d กำลังขับเคลื่อน 230 kW/313 PS ไปจนถึง 264 kW/360 PS

ในส่วนของภายในห้องโดยสารนั้น BMW X3 มีการปรับปรุงเล็กน้อยให้สวยงามเหมาะสมกับความเป็นคูเป้เเบบเปิดประทุน เรียกว่างานนี้เเรงจน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ส่วน ราคา BMW X3 ในส่วนของชุดเเต่งที่ผลิตโดย AC Schnitzer นั้นยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมาว่าอยู่ในเรทไหน เเต่ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจอยู่ดี

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564

แตรรถยนต์ควรบีบเพราะอะไร


สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศไทย การบีบแตรส่วนใหญ่นับว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนรถคันอื่นๆ บนท้องถนนให้ระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หรือบางครั้งก็ถือเป็นการต่อว่า (หรือระบายความหงุดหงิด)ในกรณีที่ผู้ร่วมทางมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดไปจากวินัยการจราจรหรือมารยาทที่ดีตามที่ควรจะเป็น ดูจากคลิปต่อไปนี้ได้

บางประเทศในทวีปยุโรป รถยนต์จะมีแตร 2 ชุด ชุดหนึ่งบนพวงมาลัยสำหรับใช้ในการจราจร และอีกชุดหนึ่งอยู่ด้านหลังของรถ ซึ่งจะใช้เป็นระบบกันขโมย ในทวีปอเมริกาเหนือ ผู้ขับขี่นิยมบีบแตรทักทายกันมากขึ้น และเสียงแตรก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องแสดงถึงความเป็นมิตรต่อกันด้วย
นอกจากนี้ ในทวีปอเมริกาเหนือ แตรยังถูกใช้เป็นสัญญาณเตือนในการล็อกรถเพื่อยืนยันให้ผู้ขับขี่ทราบว่ารถของคุณล็อกเรียบร้อยแล้ว และบางครั้งเจ้าของรถก็ใช้เสียงแตรในการมองหาว่ารถจอดอยู่ตรงไหนของลานจอดรถที่แออัดจนยากต่อการสังเกตรถของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ ผู้ขับขี่ในทวีปอเมริกาเหนือจึงต้องการเสียงแตรที่ไม่กระด้างนัก “แตรแบบทรัมเปต” หรือ Trumpet horns ซึ่งทำจากพลาสติกที่มีรูปร่างเหมือนเครื่องดนตรีชนิดนี้ในการบีบเสียงแตรให้ทุ้มแหลมและไพเราะยิ่งขึ้น โดยรถส่วนใหญ่จะมีแตรแบบทรัมเปต 2 ชุด ที่ได้รับการปรับความถี่ให้มีเสียงสูงต่ำต่างกัน แต่ไม่ถึงกับทำให้เสียงดังจนแสบหู

แม้จะเป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับผู้ขับขี่ในประเทศสหรัฐฯ แต่เสียงแตรแบบทรัมเปตไม่ใช่คำตอบที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่ทุกประเทศ เพราะในทวีปอเมริกาใต้นั้น ผู้ขับขี่ต้องการแตรที่สามารถใช้งานได้บ่อยๆ ในสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยนิยมเสียงแตรสั้นๆ แบบ “ปิ๊น ปิ๊น” ในขณะที่ ทวีปเอเชียนั้น ประเทศอินเดียเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการใช้แตรอย่างหนัก เนื่องจากผู้ขับขี่มักจะบีบแตรตลอดเวลาเมื่อต้องขับรถฝ่าการจราจรที่หนาแน่น และเมื่อขับบนถนนที่ขรุขระ

สำหรับประเทศที่ผู้ขับขี่บีบแตรกันเป็นประจำในแต่ละวัน เราเลือกใช้แตรแบบดิสก์ หรือ Disc horn ซึ่งมีอายุการใช้งานนานกว่า และในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าที่ต้องการแตรทั้ง 2 แบบ ในประเทศจีน ผู้ขับขี่จะวางมือหนึ่งบนพวงมาลัย และอีกมือหนึ่งอยู่บนแตร ซึ่งแตรรถในประเทศจีนมีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้ แม้คนจีนจะใช้แตรบ่อยมากก็จริง แต่พวกเขาก็ต้องการเสียงแตรที่นุ่มนวล ดังนั้น เราจึงเลือกใช้แตรไฟฟ้า หรือ Electronic trumpet ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบสนองต่อการใช้งานของชาวจีน

สำหรับประเทศไทยนั้น ใช้แตรแบบไฟฟ้าเสียงเดียว และมีความดังพอสมควร ตามเกณฑ์ที่กรมการขนส่งทางบกประกาศกำหนด ซึ่งนับว่าดังพอที่จะเรียกความสนใจจากผู้ร่วมใช้ถนน แต่ไม่ดังเกินไปจนเกิดความรำคาญหรือรบกวนผู้อื่น

ที่มา https://carbigbike.weebly.com/

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564

ข้อมูลและราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล สปอร์ตไบค์ 1,198 ซีซี

 


สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาวไทยที่น่ารักและตรงสเปคทั้งหลาย เรามีราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล มาให้ทุกคนทราบตามคำเรียกร้อง มาคราวนี้เราขอนำเสอนเรื่องราวของซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์ดุเลือดอิตาเลี่ยนแท้จากค่ายดังอย่าง ดูคาติ ในรุ่นที่เพื่อนๆ แค่ฟังเสียงเครื่องยนต์ก็ต้องสะท้านไปถึงทรวง อีกทั้งราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล รุ่นนี้ก็มีค่าตัวอยู่ที่ประมาณหกแสนบาท นี่เป็นแค่การคาดคะเน เมื่อเข้ามาขายในไทยแล้วอาจจะมีราคาสูงกว่านี้คาดไว้

การออกแบบของ ดูคาติ 1199 เพเนเกิล ที่พกพาความสวยงามและความแรงของเครื่องยนต์มาอย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็เป็นบิ๊กไบค์ที่สวยงาม ทุกรายละเอียดถูกจัดสรรมาได้อย่างลงตัว ความเฉียบคมในการออกแบบ รวมไปถึงเครื่องยนต์ที่แรงจนไม่คาดคิด และนี่ก็ถือว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล มันจะแพงในสายตาคนไทยไปสักหน่อย แต่ต่างประเทศเป็นที่นิยมในหมู่ไบค์เกอร์หน้าใหม่มากๆนะครับ วันนี้เราจะพาไปดูความเฟี้ยว ความแรงของบิ๊กไบค์ค่ายดูคาติรุ่นนี้กันครับ

สำหรับราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล รุ่นใหม่ล่าสุดในตลาดรถ ถือเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่ ดูคาติภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 1,198 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์แบบ Superquadro: L-twin cylinder โดยมี 4 วาล์วต่อสูบ ผสานการทำงานแบบ Desmodromic โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 12.5 : 1 ให้กำลังถึง 195 แรงม้า ส่วนอัตราแรงบิดอยู่ที่ 132 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบเชื้อเพลิงยังคงใช้งานระบบแบบ Mitsubishi electronic fuel injection system โดยมีหัวฉีดแบบทวินต่อสูบเลยทีเดียว เรียกว่าแค่เฉพาะเครื่องยนต์ก็แรงจนถูกใจเพื่อนๆ หลายๆ ท่านแล้วครับ

มาดูกันที่ระบบเกียร์ของ ดูคาติ 1199 เพเนเกิล นั้นเป็นแบบ 6 สปีด โดยมีอัตราการทดเกียร์อยู่ที่ 1=37/15 2=30/16 3=27/18 4=25/20 5=24/22 6=23/24 โดยมีร่วมการทำงานกับระบบคลัทช์แบบเปียกมัลติเพิล ที่ควบคุมด้วยระบบไฮโดรลิท ดูแล้วเพื่อนๆ คงได้บิดกันอย่างสะใจเลยครับ จากที่เราได้รับข้อมูลมาถึงตรงนี้แล้ว ราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล มันดูสมเหตุสมผล และคิดว่ามันเป็นบิ๊กไบค์อีกหนึ่งรุ่นในตลาดรถที่น่าลงทุน

มาดูกันที่ตัวเฟรมของ ดูคาติ 1199 เพเนเกิล นั้นเป็นแบบ Monocoque Aluminium ที่ให้ความแข็งแกร่งเต็มที่ โดยออกแบบให้ลงตัวกับการวางเครื่องยนต์อันทรงพลัง และผสานการทำงานกับระบบเบรก แบบ Brembo Monobloc M50 ที่ทำงานร่วมกับระบบ ABS โดยล้อหน้าเป็นแบบ semi-floating discs ในขณะที่ล้อหลังเป็นแบบ disc 2-piston caliper อันทรงพลัง ทำให้การหยุดรถมั่นใจได้อย่างยิ่ง ส่วนหน้าปัดแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ นั้น เป็นการแสดงผลแบบ TFT พร้อมด้วยเบาะนั่งหนังแท้สีดำจำนวน 2 ที่นั่ง แบบแยกชิ้น 2 ชิ้น หรูหราด้วยโคมไฟคู่หน้าสไตส์โฉบเฉียว ส่วนไฟเลี้ยวอยู่ที่กระจกมองหลังทั้งสองข้าง สร้างความแปลกใหม่ให้กับเพื่อนๆ ได้สัมผัสกัน

หากเพื่อนๆกำลังสงสัยอยู่ว่าราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล มีราคาอยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับบิ๊กไบค์คันนี้นั้นมีราคาอยู่ที่ 17,995 ดอลล่าห์สหรัฐ เรียกได้ว่าก็ถือเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับการได้ซูเปอร์ไบค์แรงๆ ที่มากไปด้วยสมรรถนะแบบนี้ไว้ขับขี่ซักคัน หรือเพื่อนๆ ว่าอย่างไรกันบ้างครับ

และนี่ก็เป็นสปอร์ตไบค์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก โดยราคา ดูคาติ 1199 เพเนเกิล ถึงแม้ว่าจะดูว่าแพง แต่เมื่อเทียบกับขุมกำลังและความสดใหม่แล้ว มันถือว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งรุ่น

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564

Motor Show สรุปยอดผู้เข้าร่วมงานและยอดจองรถยนต์ใหม่ในตลาดรถ

 


เตรียมพบกับงานแสดงรถยนต์ในตลาดรถครั้งยิ่งใหญ๋ในประเทศต้อนรับฤดูร้อน กับงานที่มีชื่อว่า Bangkok International Motor Show (มอเตอร์โชว์) สรรสร้างบนมาตรฐานของเทคโนโลยีเหนือระดับของทุกยนตกรรม ตอบรับทุกความต้องการ พร้อมให้ชมและสัมผัสได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผู้ร่วมงานจะได้พบกับการเปิดตัวรถใหม่จากค่ายรถยนต์ชั้นนำของเมืองไทย, ข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษ, จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถและอุปกรณ์บำรุงรักษา รวมไปถึงร่วมสนุกและลุ้นรางวัลจากกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมาย

ผู้สนใจสามารถร่วมงานแสดงรถยนต์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้ที่งาน Bangkok International Motor Show หรืองาน Motor Show ที่ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

สำหรับรายละเอียดวันเวลา มีรายละเอียดดังนี้

  • รอบ VIP 21 มีนาคม เวลา 12.00-20.00 น.
  • รอบสื่อมวลชน 22 มีนาคม9 เวลา 09.59 – 18.00 น. 
  • รอบบุคคลทั่วไป 23 มีนาคม - 3 เมษายน  (ค่าบัตรเข้าชมงาน 100 บาท)

เปิดงานแสดงรถยนต์ระดับประเทศ "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์" มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์, จักรยานยนต์ และอุปกรณ์ประดับยนต์ ร่วมออกบูธจัดแสดงและจำหน่ายยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ในตลาดรถ พร้อมเพิ่มพื้นที่การจัดงานมากที่สุดในเอเชีย กว่า 140,000 ตารางเมตรให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้

ภายในงานจะได้พบกับค่ายรถยนต์ในตลาดรถหลากหลายระดับจากค่ายรถชั้นนำไปจนถึงค่ายรถยนต์หรูและค่ายรถซุปเปอร์คาร์ ตลอดจนถึงรถมอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์ค่ายต่างๆ ให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัส และจับจองเป็นเจ้าของ โดยมาพร้อมกับแคมเปญข้อเสนอสุดพิเศษที่ให้คุณได้เป็นเจ้าของที่ง่ายยิ่งขึ้น รวมไปถึงสัมผัสนวัตกรรมจากค่ายรถต่างๆ ทั้งรถต้นแบบ, รถใหม่จากต่างแดน และเทคโนโลยีต่างๆ ให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และมาพร้อมกับกิจกรรมสุดพิเศษอีกด้วย

นอกจากจะได้สัมผัสรถยนต์และรถจักรยานยนต์ใหม่ในตลาดรถแล้ว ภายในงานยังคับคั่งด้วยโซนจัดแสดง Accessory, อุปกรณ์ดูแลรถยนต์ให้ผู้รักรถได้เลือกซื้อทั้งแต่งรถและดูแลรักษารถ รวมไปถึงบริเวณพื้นที่นอกชาเลนเจอร์ฮอลล์ ก็ยังมีพื้นที่ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองขับรถรวมไปถึงบริเวณริมทะเลสาบก็มีกิจกรรมสุดท้าทายให้ผู้ร่วมงานได้ชมอย่างใกล้ชิด บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ พร้อมให้ผู้ร่วมงานได้เข้าชมแล้ว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 เมษายนชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ผ่านพ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงานแสดงรถยนต์ระดับประเทศ งาน Bamgkok International Motor Show โดยจัดงานตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 5 เมษายนที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายในงานได้เปิดตัวรถใหม่มากมาย งานแสดงรถยนต์ต้นแบบจากต่างประเทศมารวมไว้ที่นี่ พร้อมกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

 และที่พลาดไม่ได้ คือการสรุปยอดผู้เข้าชมงานและยอดจองรถภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ โดยยอดผู้เข้าร่วมงานทั้ง 12 วันนั้น รวมทั้งสิ้น 1.7 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับงานมอเตอร์โชว์เมื่อปีที่ผ่านมา หากเจาะลึกในด้านของกลุ่มผู้เข้าชมงานหลักส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนในวัยทำงานที่ให้ความสนใจรถยนต์ระดับราคารถยนต์ ตั้งแต่ 7 แสนบาทขึ้นไป ที่ต้องการสำรวจและจับจองรถยนต์นั่งขนาดกลาง รถครอบครัว และรถกระบะเป็นหลัก ส่วนทางด้านกลุ่มเป้าหมายรถยนต์ขนาดเล็กที่ต่ำกว่า 7 แสนและกลุ่มรถยนต์มากกว่า 2 ล้านก็ยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

สำหรับยอดจองรถยนต์ตลอด 12 วันภายในงาน Motor Show นั้น ได้เผยยอดจองรถยนต์รวมทั้งสิ้น 37,027 คัน สำหรับค่ายรถที่ครองแชมป์ยอดจองสูงสุด มีดังนี้

     1. รถยนต์ Toyota 6,144 คัน

     2. รถยนต์ Honda 5,069 คัน

     3. รถยนต์ Mazda 4,584 คัน

     4. รถยนต์ Isuzu 4,485 คัน

     5. รถยนต์ Nissan 4,042 คัน

เรียกได้ว่ายอดจองรถยนต์ สูงสุดนั้นยังคงเป็นค่ายรถญี่ปุ่นติดมากถึง 5 ค่ายรวดเลยทีเดียว ทางด้านรถยนต์หรูนั้นก็มียอดจองที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่พลาดงานนี้ ก็เตรียมรอข่าวคราวของรถยนต์  และการเปิดตัวงาน Bamgkok International Motor Show หรือ Motor Show ในปีหน้านี้ว่าจะเผยคอนเซ็ปต์อะไร รวมไปถึงจะมีอะไรเพิ่มเติมให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกันในโอกาสต่อไป

ดูข้อมูลรถยนต์ใหม่ได้ที่ http://th-bigbike.com/

ค่ายรถยนต์ Ford ส่งยนตกรรมโฉมใหม่ที่งาน Motor Show

 


ค่ายรถยนต์ Ford เปิดราคารถยนต์หลายรุ่นออกมาในตลาดรถ เดินหน้าสู่การนำเสนอยนตกรรมอันล้ำสมัยให้แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัสที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ประเดิมด้วยการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ New Ford Focus 1.5 EcoBoost อันทรงพลังและล้ำสมัยอีกขั้น, Ford Ecosport และ Ford Fiesta รุ่นสีพิเศษ โดยสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 พร้อมยนตกรรมรุ่นอื่นๆ, กิจกรรมและข้อเสนอสุดพิเศษ

ราคารถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มีรุ่นย่อยหลายรุ่นให้เลือกเป็นเจ้าของ สานต่อความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์คุณภาพเยี่ยมสำหรับประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ เครื่องยนต์อันทรงพลัง และระบบการเชื่อมต่อล้ำสมัยเหนือมาตรฐานรถยนต์ในระดับเดียวกัน โดย ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ บรรจุขุมพลังเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ 1.5 ลิตร 4 สูบ ที่สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ที่มอบสมรรถนะสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-5,000 รอบ/นาที ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ยังมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติทอร์ค คอนเวอร์เตอร์แบบ 6 สปีด ใหม่ เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในการทำงานควบคู่กับเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร รวมไปถึงได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน

นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เหนือชั้นและล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิม เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเข้าถึงทุกการเชื่อมต่อสื่อสารได้ทุกเวลา ได้แก่

  • ระบบช่วยจอดรถยนต์อัจฉริยะใหม่ (Enhanced Active Park Assist): ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก ระบบช่วยจอดแบบคู่ขนาน (Parallel Park Assist) โดยเพิ่ม ระบบช่วยถอยจอดเข้าซอง (Perpendicular Park Assist) เทคโนโลยีช่วยจอดรถเข้าซอง โดยไม่ต้องใช้มือบังคับพวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถถอยรถเข้าเข้าซองได้แม้ในพื้นที่จำกัด
  • ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop): ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วยลดอัตราการชนขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะทำงานโดยลดแรงบิดของเครื่องยนต์ และควบคุมเบรกอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดแรงปะทะจากการชน ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ทันท่วงที
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 3 (SYNC 3): ซิงค์ 3 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมหน้าจอสีทัชสกรีน 8 นิ้ว แบบโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ตอบสนองการสั่งงานด้วยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระบบซิงค์ 3 ใหม่ ยังได้รับการปรับปรุง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบความบันเทิงภายในรถ และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ผ่านคำสั่งเสียง ทั้งยังรองรับการใช้งานแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ (Apple CarPlay)

สำหรับราคารถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ รุ่น 5 ประตู ในตลาดรถ ได้รับการผลิตและประกอบขึ้นที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง มีสีตัวถังทั้ง 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน วินนิ่ง บลู (Winning Blue)/ สีดำ แพนเทอร์ แบล็ก (Panther Black)/ สีเทา แม็คเนติก เกรย์ (Magnetic Grey)/ สีแดง แคนดี้ เรด (Candy Red)/ สีขาว โฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) โดยพร้อมให้คุณได้จับจองแล้ววันนี้ในราคารถยนต์รุ่นนี้คือ 1,099,000 บาท ทั้งในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่เมืองทองธานี หรือที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ และพร้อมส่งมอบรถได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

ประธานฟอร์ด อาเซียน กล่าวถึงการนำเสนอรถยนต์ Ford Focus ว่า "ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นรถตามมาตรฐานระดับโลกของฟอร์ดรุ่นล่าสุด ที่เราพร้อมจัดแสดงในโชว์รูม และนำเสนอแก่ลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งเรามุ่งหวังว่า ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ จะสร้างความสนใจจากผู้บริโภค และช่วยให้เราเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการเติบโตด้านส่วนแบ่งทางการตลาดรวมในประเทศไทย อันเป็นตลาดสำคัญของเรา"

"New Ford Focus พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ด ที่จะส่งมอบรถยนต์มาตรฐานระดับโลกของฟอร์ดสู่ผู้บริโภคชาวไทย พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะให้กับตลาดรถยนต์ขนาดกลาง" กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว "เมื่อไม่กี่ปีนี้ เทคโนโลยีหลายๆ อย่างในฟอร์ด โฟกัส ใหม่ นั้นได้รับการติดตั้งในรถยนต์ราคาแพงเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากขึ้นสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ในรถยนต์ราคาที่เข้าถึงได้"

ในบูธฟอร์ด ยังได้พบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ พร้อมรุ่นพิเศษที่ได้เปิดตัวภายในงานมอเตอร์โชว์นี้ เช่น ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ รุ่นพิเศษ แบล็ก อิดิชั่น (Black Edition) ได้รับการตกแต่งภายนอกรอบคันด้วยสีดำทั้งบริเวณโครงหลังคา และล้อไทเทเนี่ยมอัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้ว นอกจากนี้ เอคโค่สปอร์ต ยังมีเฉดสีใหม่สีแดง แคนดี้ เรด (Candy Red) ในราคาเริ่มต้นที่ 714,000 บาท

ฟอร์ด เฟียสต้า เปิดตัว รุ่นแบล็ก ลิมิเต็ด (Black Limited) ในสีทูโทนดำแดง ซึ่งมีให้เลือกในรุ่น Sport แบบ 5 ประตู ที่ราคารถยนต์รุ่นนี้อยู่ที่ 719,000 บาท นอกจากนี้ ฟอร์ดได้แนะนำสีสันใหม่สำหรับฟอร์ด เฟียสต้า ซึ่งได้แก่ สีน้ำเงิน วินนิ่งบลู (Winning Blue) และสีแดง แคนดี้ เรด (Candy Red) ในราคารถยนต์เริ่มต้นที่ 644,000 บาท

ภายในงาน ลูกค้าจะได้ร่วมสัมผัสรถยนต์ Ford Everest ที่เพิ่งคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี โดยได้รับการยกย่องในด้านสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดเหนือชั้น ผสมผสานกับคุณภาพการขับขี่ยอดเยี่ยม พร้อมการควบคุมที่คล่องตัว ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ เปี่ยมสมรรถนะ เกินความคาดหมายของผู้บริโภคกลุ่มรถเอสยูวี และรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง Ford Ranger จะถูกนำมาจัดแสดงภายในงานด้วยเช่นกัน โดยรถรุ่นดังกล่าว มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น และสะดวกสบายยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนป้องกันการชนรถคันหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบรักษาเลน (Lane Keeping System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam Control) และระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert System)

นอกจากการจัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ แล้ว ภายในบูธฟอร์ดยังมีการจัดแสดงข้อมูล เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้ทราบถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการยกระดับและพัฒนาบริการให้กับลูกค้าและการขยายเครือข่ายการให้บริการทั่วประเทศ รวมถึงข้อมูลและตำแหน่งของตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ พร้อมโปรแกรมบริการหลังการขายต่างๆ ได้แก่ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) การนัดตรวจสภาพรถยนต์ล่วงหน้า (Scheduled Service Plan) ประกัน Ford Ensure บริการรับประกันจัดส่งอะไหล่ภายใน 24 ชั่วโมง โปรแกรมขยายความคุ้มครอง (Premium Protection Plus) และบริการให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์

"Ford เดินหน้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า และการเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดให้สอดคล้องกับคุณภาพรถยนต์ระดับโลกของฟอร์ด เราเชื่อมั่นว่า ลูกค้าฟอร์ดจะสามารถสังเกตและรับรู้ได้อย่างชัดเจน ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการให้บริการ ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนาในสามส่วนหลัก ได้แก่ ความสะดวกในการรับบริการของลูกค้า คุณภาพของการให้บริการ และการปรับภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ฟอร์ดในด้านการบริการ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ด เราได้ขยายระยะเวลาบริการฟรีค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง เพิ่มขึ้นเป็น 5 ครั้ง หรือระยะเวลา 75,000 กิโลเมตร สำหรับรถฟอร์ดทุกรุ่น" คุณยุคนธรกล่าว

และ Ford ยังได้มอบข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับรถยนต์ฟอร์ดคุณภาพระดับโลกในประเทศไทย สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ภายในงาน เฉพาะช่วงเวลาพิเศษนี้เท่านั้น ได้แก่

  • ดอกเบี้ยพิเศษ 1.49% ผ่อนนาน 60 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab XLT 4x2 Hi-rider
  • ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนนาน 60 เดือนพร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับรถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่น 2.2 ลิตร
  • ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต
  • ดาวน์เพียง 10%  พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับฟอร์ด โฟกัส ใหม่

ค่ายรถยนต์ ฟอร์ด พร้อมให้คุณได้สัมผัสยนตกรรมสุดล้ำในราคารถยนต์ที่เข้าถึงได้พร้อมกิจกรรมและข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่บูธ Ford  ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นเนล มอเตอร์โชว์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 เมษายน ที่ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2564

มินิคูเปอร์ เปิดตัวรถยนต์เวอร์ชั่น 5 ประตู เตรียมทำตลาดอย่างจริงจัง

 


หลังจากที่ได้เปิดตัวรถยนต์ Mini แบบ 5 ประตู 2 คันแรกในตลาดรถอย่าง Mini Countryman และ Mini Hatch รุ่น 5 ประตู แต่ทาง BMW AG เตรียมจะเปิดตัว Mini รุ่นใหม่ที่จะชูจุดเด่นตรงที่เป็นรถยนต์มินิคันเล็ก 5 ประตูที่มีรูปลักษณ์ต่างจาก Mini Hatch รุ่น 5 ประตูอย่างแน่นอน แถมให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นและโดยสารได้ดียิ่งขึ้น! โดยได้ประกาศชื่อรุ่นไว้ว่า "MINI One First" 

สำหรับรถยนต์ MINI One First รถแฮทช์แบ็คขนาดเล็ก 5 ประตูซึ่งจะเป็นโมเดลรุ่นแรกสุด หรือ entry level โดยนอกจากมี 5 ประตูอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญแล้ว ด้านเครื่องยนต์จะเป็นเครื่องยนต์บล็อกเล็ก 3 สูบ 1.2 ลิตร ทวินเพาเวอร์เทอร์โบ พร้อมระบบแคมชาร์ฟแปรผันควบคุมวาล์วไอดีและไอเสีย ให้พละกำลังสูงสุดได้น่ารักทีเดียวคือ 75 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 13.4 วินาที ขับขี่ในเมืองได้สบายๆ ทีเดียว แต่ถ้าชอบแรงๆ ก็จะมีเครื่องยนต์ชนิดพิเศษที่ให้กำลังขับเคลื่อนสูงถึง 192 แรงม้าด้วย

ส่วนระบบส่งกำลังนั้น จะใช้เกียร์ธรรมดาชุดใหม่แบบ 6 สปีด โดยเน้นน้ำหนักเบาและให้ความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ และที่สำคัญอัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 19.2 กม./ลิตร แถมปล่อยมลพิษไอเสียได้ต่ำ เพียง 121 กรัม/กม. เท่านั้น

โดยรถยนต์ MINI One First ถูกคาดว่าจะพัฒนาให้เป็นรถยนต์อีโคคาร์จาก Mini สำหรับใช้งานในเมืองเป็นหลัก ทั้งนี้ภาพที่เผยออกมามีเพียงด้านหน้าและด้านท้ายเท่านั้น ยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆ ตามมาแต่กำหนดการเปิดตัวได้แจ้งว่าราวๆ เดือนมีนาคมปีนี้ครับ

สำหรับรถยนต์อย่าง มินิคูเปอร์ (Mini Cooper) เปิดตัวรถยนต์แบบ 5 ประตู ออกมาเอาใจแฟนๆแล้ว โดยคราวนี้เตรียมทำตลาดอย่างจริงจังหวังเพิ่มทางเลือกแก่ลูกค้าทั่วโลก

เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ มินิคูเปอร์ มาพร้อมใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า MINI 5 door เปิดตัวเป็นรถยนต์ 5 ประตูรุ่นแรกของมินิเลยทีเดียว ไม่นับตัว (Mini Countryman เพราเป็น SUV)

รถยนต์ MINI Cooper เวอร์ชั่น 5 ประตูใหม่นี้มาพร้อมตัวถังที่ออกแบบเพื่อการขับขี่ที่สนุกมากขึ้น และถือเป็นการเปิดตัวในตลาดรถยนต์ขนาดเล็กที่ทางค่ายคาดหวังไว้อย่างมาก พื้นที่ห้องโดยสารกว้างสบายกว่าเดิมเนื่องจากขยายความยาวของฐานล้อเพิ่มอีก 72 มิลลิเมตรจากมินิรุ่นปกติ เช่นเดียวกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่สามารถบรรจุของได้ถึง 278 ลิตร 

มาต่อที่เครื่องยนต์มีให้เลือก 4 รุ่น เริ่มจาก 1. รถยนต์ มินิคูเปอร์ เอส ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1,998 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า 2. มินิคูเปอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 1,499 ซีซี. 136 แรงม้า 3. มินิ คูเปอร์ เอสดี เครื่องยนต์ดีเซล 1,995 ซีซี. 170 แรงม้า 4. คูเปอร์ ดี เครื่องยนต์ดีเซล 1,496 ซีซี. 116 แรงม้า    

ดูข้อมูลรถยนต์รุ่นอื่นๆในตลาดรถได้ที่ http://th-bigbike.com/

 

ราคารถยนต์ Mini Countryman รุ่นใหม่ในตลาดรถ

 


ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าลูกค้ามีความต้องการรถอเนกประสงค์ 5 ประตูมากกว่าเดิม และราคารถยนต์ใหม่ก็ ไม่ว่าจะเป็นรถเอสยูวี, ครอสโอเวอร์, รถแวนไปจนถึงแฮทช์แบ็ค ที่ชูจุดเด่นการประยุกต์รูปแบบการใช้งานที่หลากหลายและให้ความคุ้มค่าที่มากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ารถหลายๆ ค่ายเริ่มตามกระแสการพัฒนารถประเภทนี้รองรับความต้องการลูกค้าโดยเฉพาะ

Mini ค่ายรถยนต์ที่ดูเหมือนว่าจะตอบโจทย์ความอเนกประสงค์ได้ดี รวมไปถึงมีข่าวคราวถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตัวรถในค่ายมินิ ทั้งเพิ่มโมเดลรถใหญ่ทั้งรถยนต์ Mini Countryman และ Mini Clubman โฉมใหม่ล่าสุดไปจนถึงการขยายตัวถัง Mini Hatch จาก 3 เป็น 5 ประตู พร้อมกับยุติการผลิตรถแบบโร๊สเตอร์ ซึ่งการเปลี่ยนในครั้งนี้แม้จะดูเหมือนสวนกระแสชื่อและคอนเซปต์ของรถ แต่ผลลัพธ์นั้นสามารถครองใจลูกค้าได้ดีกว่าเดิม โดยราคารถยนต์ใหม่นี้น่าจะถูกใจใครหลายๆคน

ซึ่ง Mr. Sebastian Mackensen รองประธานอาวุโสแห่ง Mini ได้เผยออกมาโต้งๆ และแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแบรนด์ว่า "ผู้คนส่วนใหญ่ถูกกำหนดในความคิดเดิมๆ ว่า มินิ ต้องเป็นรถขนาดเล็กเพียงอย่างเดียว ซึ่ง Mini ก็เป็นเพียงแค่ชื่อรถ และชื่อก็ไม่ได้หมายความว่าจะเล็กซะทีเดียว โดยส่วนตัวเขาเชื่อว่า มินิ ควรจะทำอะไรได้มากกว่านั้น แม้ทางเราจะให้ความเคารพถึงขนบและเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่โลกที่หมุนอย่างต่อเนื่อง มินิเองก็ต้องเติบโตตามกระแสเพื่อพัฒนารถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายโดยยังรักษาเอกลักษณ์เดิมที่ไม่ใช่เรื่องของขนาด"

ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า Mini Countryman ก็จะมีการขยายร่างเพื่อตอบโจทย์ขาลุยถึงความกว้างขวางได้มากขึ้น รวมไปถึง Mini Superleggera รถเปิดประทุนที่จะขยายให้ใหญ่ในระดับที่เหมาะสมก็ได้รับไฟเขียวให้พัฒนาอีกด้วย งานนี้ต้องรอดูทิศทางของรถใหม่จาก Mini อีกสักระยะ

ราคารถยนต์ Mini Countryman ในตลาดรถ

ราคารถยนต์ MINI COOPER S F60 ENTRY1,999,000.
ราคารถยนต์ MINI COOPER S HIGHTRIM F602,529,000.

 ราคารถยนต์ Mini Countryman อาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบอีกครั้ง

หลังจากที่ MINI ประกาศการพัฒนา All New Mini Countryman พร้อมเปิดตัวภายในปี 2017 นี้ ซึ่งในเวลานี้ได้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะปรับโฉมให้ใหญ่ขึ้น เพื่อยกระดับเป็นรถ SUV เต็มตัว หลังจากที่ในเจเนอเรชั่นปัจจุบันยังมีขนาดที่ไม่ใหญ่ จนสร้างความก้ำกึ่งทั้งการเรียกประเภทรถและคุณสมบัติการใช้งาน เพราะในเวลานั้น MINI ยังคงยึดติดกับการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กอยู่

สื่อเว็บไซต์ยานยนต์จากประเทศอังกฤษได้เผยว่า ทางมินิจะมีแผนการพัฒนาตัวภังของมินิ คันทรีแมนให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อยกระดับการบรรทุกสิ่งของหรือผู้โดยสารมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม แต่ยังรักษาหน้าตาเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อให้สาวกรถคันเล็กจากอังกฤษสามารถใช้งานได้คุ้มค่าและอเนกประสงค์มากขึ้นตามแบบฉบับของ MINI

ด้านรายละเอียดการปรัับปรุงตัวถังใหม่นั้นได้เผยคร่าวๆ ว่า Mini Countryman อาจมีความยาวขึ้นถึง 4.25 เมตร ขยายความกว้างขึ้นอีก 10 มม. และปรับปรุงห้องสัมภาระท้ายให้มีความกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย

ทั้งนี้ All New Mini Countryman อาจมีกำหนดการการเปิดตัวภายในปลายปีนี้ และราคารถยนต์ได้เปิดเผยมาแล้วและวางจำหน่ายจริงในปีถัดไป

ราคารถยนต์ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ราคาจำหน่าย 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)


รถยนต์ MINI Clubman รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

 

และแล้ว ภาพทีเซอร์ของรถยนต์ All-New Mini Clubman เจเนอเรชั่นที่ 2 ได้เผยโฉมต่อหน้าสาธารณชนกันแล้ว โดยเผยโมเดลโฉมจหน่ายจริงของภายนอก, ภายในห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ แต่ไม่มีการเผยข้อมูลของขนาดรถ, เครื่องยนต์และอ็อพชั่นต่างๆ มากนัก คาดว่าข้อมูลที่เหลือจะมาพร้อมกับเปิดตัวจริงอย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้

โดยรายละเอียดของภายนอกรถยนต์ Mini Clubman นั้นได้เผยว่ามีตัวถังที่ยาวมากขึ้นกว่าเจเนอเรชั่นแรก หากอ้างอิงจาก Mini Clubman รุ่นต้นแบบนั้น จะมีขนาดมิติตัวถังอยู่ที่ ยาว 4,223 มม. กว้าง 1,844 มม.และสูง 1,450 มม. ส่วนจุดเด่นภายนอกที่น่านใจคือประตูตู้กับข้างที่ออกแบบให้สามารถเปิดได้กว้างขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงรุ่นรถยนต์ Clubman Cooper S จะมีหลังพาโนรามิครูฟด้วย

สำหรับภายในห้องโดยสารของรถยนต์ Mini Clubman นั้นก็ออกแบบมาได้อย่างหรูหรายิ่งขึ้น และห้องสัมภาระท้ายที่ออกแบบให้มีความกว้างขวางขึ้นรองรับสัมภาระขนาดใหญ่ได้เยอะขึ้น ส่วนเครื่องยนต์แม้จะยังไม่เผย แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้เครื่องยนต์ที่หลากหลาย 1.5-2.0 ลิตร, เครื่องยนต์เบนซิน-ดีเซล และกระบอกสูบ 3-4 สูงให้เลือกกัน ที่เหลือก็รอกำหนดวันเปิดตัวจริงอีกที หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบมินิทรงยาวอย่าง Mini Clubman ก็ไม่ควรพลาด

สำหรับรถยนต์ Mini เปิดตัว All-New Mini Clubman ALL4 รถยนต์เอสเตทรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อสำหรับครอบครัวขาลุย แม้ภายนอกและภายในอาจไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่จะได้ตราสัญลักษณ์สุดเท่ "ALL4" มาสร้างความโดดเด่นและมนต์สเน่ห์แห่งรถจอมลุย

ด้วยการเพิ่มเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อธรรมดาเท่านั้น เพราะทางมินิเผยว่าได้พัฒนาเฟืองท้ายส่วนหน้าที่ออกแบบให้มุมเกียร์ลาดเอียง รวมไปถึงเพลาขับคู่ และเฟืองท้ายหลังระบบอิเลกโทรไฮโดรลิกที่พัฒนาสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังได้เสริมระบบ Dynamic Stability Control สำหรับกระจายแรงบิดให้สมดุลตามสภาวะการขับขี่และท้องถนน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน พร้อมให้อัตรเร่งในยามเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น

รถยนต์ Mini Clubman ALL4 สเปคอเมริกา จะได้รับเครื่องยนต์ที่มีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่

  • เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ TwinPower Turbo 134 แรงม้า แรงบิด 162 ปอนด์/ฟุต ส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. เพียง 9.3 วินาที ในรุ่นมาตรฐาน
  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ TwinPower Turbo 189 แรงมา แรงบิด 207 ปอนด์/ฟุต ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. เพียง 6.6 วินาที ในรุ่น Cooper S 

สำหรับรถยนต์ Mini Clubman ALL4 ได้เผยโฉมที่ตลาดรถสหรัฐฯ แล้ว ส่วนราคารถยนต์รุ่นนี้จะเผยในโอกาสต่อไป

ดูข้อมูลรถยนต์ใหม่ได้ที่ http://th-bigbike.com/category/car-reviews/

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

ข้อมูลและราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer SUV 7ที่นั่ง ในตลาดรถ

 

ที่มา http://th-bigbike.com/

SUV 7 ที่นั่งในตลาดรถปีนี้ พลาดไม่ได้กับรถยนต์ Chevrolet Trailblazer ( เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ) ในตลาดรถบ้านเรายนตกรรมอเนกประสงค์ที่มีราคาเริ่มต้นให้คุณเป็นเจ้าของได้ในล้านต้นๆ พร้อมความแรงจากเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์ และเทคโนโลยีต่างๆมากมาย ผสมผสานความปลอดอย่างอัดแน่น เรียกได้ว่า Chevrolet Trailblazer เป็นรถยนต์ที่น่าสนใจไม่น้อยในตลาดรถเลยทีเดียว เพราะว่ามันออกแบบมาให้โดดเด่นและเร้าใจไปพร้อมกับชุดเกียร์ที่ส่งกำลังอย่างน่าประทับใจเป็นอย่างดี พร้อมเติมเต็มทุกมิติการเดินทาง

เฉดสีของรถยนต์รุ่นนี้ในตลาดรถ

สีสันภายนอกของรถยนต์ Chevrolet Trailblazer ( เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ) ในตลาดรถมีให้เลือก 7 สีด้วยกันคือ สีน้ำเงินบลูเม้าท์เท่น Blue Mountain, สีขาวซัมมิตไวท์, Summite White , สีน้ำตาลออเบิร์นบราวน์ Auburn Brown, สีดำแบล็คแซฟไฟร์ Black Sapphire, สีเทาซาตินสตีลเกรย์ Satin Steel Grey, สีแดงซิสเซิ่ลเร้ด Sizzle Red , และสีเงินสวิตเบลดซิลเวอร์ Switchblade Silver

ราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer ในตลาดรถประเทศไทย

ราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer 2.5 MT LT ราคา 1,095,000.
ราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer 2.8 AT LT 2WD ราคา 1,129,000.
ราคารถยนต์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ 2.8 AT LTZ 2WD ราคา 1,289,000.
ราคารถยนต์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ 2.8 AT LTZ1 4WD ราคา 1,465,000.
*หมายเหตุ ราคารถยนต์ในตลาดรถอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากท่านใดที่สนใจสามารถดูรายละเอียด ราคา โปรโมชั่น หรือสอบถามได้ที่โชว์รูมเชฟโรเลตทั่วประเทศ

ดีไซน์ภายนอกราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer ในตลาดรถ

การออกแบบภายนอกของราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer สวยงามด้วยขอบโครเมียม บริเวณไฟตัดหมอก สะดุดตาด้วยแผ่นกันโคลนหน้า-หลัง โฉบเฉี่ยวด้วยไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ให้วิสัยทัศน์การขับขี่ด้วยไฟตัดหมอกหน้า-หลัง เหนือชั้นด้วยไฟหน้าฮาโลเจน ปรับระดับสูง-ต่ำ ได้จากภายใน โดนใจไปกับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ปรับระดับสูง-ต่ำได้จากภายใน พร้อมไฟท้ายแบบ LED

เท่ลงตัวทุกมิติด้วยฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ และฝาครอบกระจกมองข้าง สีโครเมียม เรียบง่ายด้วยมือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ พร้อมมือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ พร้อมแถบโครเมียม และราวหลังคา สี Silver สุดสปอร์ต ขึ้นลงง่ายด้วยบันไดข้าง

ถอยหลังอย่างมั่นใจด้วยระบบเซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุด ส่วนวงล้อมีให้เลือกสองแบบคือ ล้ออัลลอย 16 นิ้ว และล้ออัลลอย 18 นิ้ว มิติภายนอกราคารถยนต์ Chevrolet Trailblazer มาพร้อมความยาว 4,878มม. กว้าง 1,902มม. มีระยะฐานล้อที่ 2,845 มม. มีระยะช่วงล้อหน้า 1,570 มม. มีระยะช่วงล้อหลัง 1,588 มม. มีระยะต่ำสุดจากพื้น 241 มม.

ดีไซน์ภายในราคารถยนต์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ในตลาดรถ

การออกแบบภายในของ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ค่อนข้างกว้างขวางด้วยห้องโดยสารแบบ 5 + 2 ปรับเปลี่ยนเป็น 7 ที่นั่งได้ สัมผัสมิติความกระหึ่มได้ด้วยลำโพง 6 ตัว ผ่านเครื่องเล่นวิทยุ MyLink พร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว แบบ Touch Screen และ Bluetooth Handfree เพลิดเพลินตลอดเส้นทางด้วยเครื่องเล่น CD / DVD / MP3 / และระบบ Navigator คอนเน็คชั่นผ่านช่องต่ออุปกรณ์เสริม AUX และช่องต่ออุปกรณ์เสริม USB และมีระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยมาให้

เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะและเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เย็นฉ่ำทุกที่นั่งด้วยระบบปรับอากาศแยกส่วน สำหรับผู้โดยสารตอนหลังและระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบไฟฟ้า เท่สะดุดตาด้วยมาตรวัดเรืองแสงและวัสดุหุ้มเบาะ และแผงประตู – ผ้า Truss และวัสดุหุ้มเบาะ และแผงประตู – หนัง / สังเคราะห์ สะดวกสบายด้วยแผงบังแดด พร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และมือจับบริเวณเสาด้านหน้า เท่ยิ่งกว่าด้วยจอแสดงผลข้อมูลการเดินทางแบบดิจิตอล สนองทุกความต้องการด้วยช่องเสียบต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม ตอนหน้า-หลัง ที่เก็บของเหนือแผงคอนโซล และที่เก็บของเหนือแผงคอนโซล พร้อมฝาปิด

เท่านั้นยังไม่พอยังมีกล่องใส่สัมภาระท้ายรถ ที่วางแก้วน้ำด้านหน้า ที่วางแก้วน้ำด้านหลัง ไฟในห้องโดยสารตอนหน้า หรูหราด้วยพวงมาลัยหุ้มหนัง โดยที่นั่งตอนที่ 2 ของรถยนต์ Chevrolet Trailblazer สามารถพับแยกส่วนแบบ 40 / 60 และพับเก็บไปข้างหน้าได้ และ ที่นั่งตอนที่ 3 แยกจากกัน และสามารถพับราบลงกับพื้นได้ โดยเบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้าและเบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้อย่างอัจฉริยะ

สมรรถนะของรถยนต์รุ่นนี้ในตลาดรถบ้านเรา

เครื่องยนต์ของรถยนต์ Chevrolet Trailblazer มีสองแบบคือ ขนาด 2,776 ซีซี คอมมอนเรลเทอร์โบแปรผันไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบหล่อเย็นด้วยน้ำแบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบเพลาลิ้นคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว แถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ/ปั๊มหัวฉีดควบคุมด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ ให้กำลังสูงสุด 147 kW/200 hp@3600 rpm แรงบิด 500 (50.9) Nm@2000 rpm

และอีกหนึ่งเครื่องยนต์ขนาด 2,499 ซีซี คอมมอนเรลเทอร์โบ แบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบเพลาลิ้นคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว แถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ/ปั๊มหัวฉีดควบคุมด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ ให้กำลังสูงสุด 120 kW/163 hp@3600 rpm แรงบิด 380 (38.8) Nm@2000 rpm มีแบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อให้เลือก ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และนี่ขุมกำลังของเจ้า เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ทั้งสองแบบครับ

ระบบความปลอดภัยรถยนต์รุ่นนี้ในตลาดรถ

ด้านระบบความปลอดภัยของรถยนต์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ แข็งแกร่งด้วยคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง และถุงลมนิรภัย SRS ด้านคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า เซฟตี้มากกว่าด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ตำแหน่งคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำได้ – Pretensioner & Load Limit โดยเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ที่ตำแหน่งผู้โดยสารตอนกลาง และเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ที่ตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลัง

ช่วงล่างเซฟตี้ด้วยระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก ระบบเบรก EBD และระบบช่วยเบรกกระทันหัน (PBA) และมีระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮดรอลิก (HBA), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เมื่อลงทางลาดชัน (HDC), ระบบป้องกันการถอยหลัง เมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA) ไปจนถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS)

นี่เป็นเพียงแค่ความสามารถส่วนหนึ่งของรถยนต์ Chevrolet Trailblazer ( เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ) รุ่นนี้ในตลาดรถ เพียงเท่านั้นนะครับ ยังมีอีกหลายจุดหลายความสามารถของมันที่คุณต้องประทับใจ บอกได้เลยว่ารถยนต์ Chevrolet Trailblazer คืออีกตัวเลือกถึงสำหรับคนที่ต้องการ SUV ดีๆในตอนนี้